บ้านโดนตัดไฟ ทำสุนัขเสียชีวิต 4 ตัว คนแห่สงสารสุนัข แต่ทัวร์ลงเจ้าของเต็มๆ

บ้านโดนตัดไฟ ทำสุนัขเสียชีวิต 4 ตัว คนแห่สงสารสุนัข แต่ทัวร์ลงเจ้าของเต็มๆ

เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนนั้นพูดถึงกันอย่างมากในโลกออนไลน์ซึ่งเมื่อวันนี้ 22 กรกฎาคม 2565 เพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand Foundation - WDT เปิดเผยเรื่องราวอุทาหรณ์ของคนเลี้ยงสุนัข พบบ้านหลังหนึ่งเลี้ยงสุนัข 8 ตัว แต่ต่อมาพบมีสุนัขพันธุ์อิงลิช บูลล์ด็อกเสียชีวิตไป 4 ตัว

เนื่องจากเจ้าของบ้านค้างค่าไฟฟ้า 4 เดือน โดยที่ผ่านมาสุนัขทั้งหมดถูกเลี้ยงไว้ภายในห้องแอร์ ซึ่งทางเพจได้มีการเข้าช่วยเหลือเป็นธุระจัดการให้สุนัขทั้ง 4 ตัว ด้วยการนำไปเผาให้ โดยทางเพจ เผยว่า อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ที่อาจเกิดขึ้นกับใครก็ได้ กรณีเจ้าของเลี้ยงสัตว์ไว้ในห้องแอร์แล้วติดค้างค่าไฟ 4 เดือน

จนถูกหน่วยงานในพื้นที่เข้าตัดไฟโดยไม่รู้เรื่องเป็นเหตุให้สุนัขอิงลิช บูลล์ด็อก เป็นฮีทสโตรกเสียชีวิตไป 4 ตัว เหลืออิงลิชบลูด็อก 3 ตัว และปอมอีก 1 ตัว ที่รอด ทั้งนี้ เจ้าของร้องไห้สงสารเพราะสุนัขต้องเสียชีวิตอย่างทรมาน พร้อมยืนยันว่า ทางหน่วยงานไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้าก่อนจะตัดไฟแต่อย่างใด ทำให้ไม่รู้เรื่อง

เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทำให้ค้างค่าไฟถึง 4 เดือน ซึ่งบ้านถูกตัดไฟหลังจากเพิ่งไปจ่ายที่ค้างอยู่ 1 เดือน เพียง 2 วัน ทางเพจทิ้งท้ายว่า อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์สำหรับเจ้าของที่เลี้ยงสัตว์ไว้ในห้องแอร์ และทั้งการหน่วยงานที่ดูแลด้วย เนื่องจากคำขอโทษหรือการทำงานที่ผิดพลาด ไม่ช่วยให้สุนัขฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้

ความประมาทที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะจากฝ่ายใดก็ตาม มีผลทำให้สัตว์ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ต้องทุกข์ทรมานจากการขาดอากาศหายใจและความร้อนและต้องสิ้นใจอย่างทรมานที่สุด อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ทันที เนื่องจากข้อมูลทึ่ทางเพจระบุทำให้หน่วยงานที่ตัดไฟถูกมองเป็นฝ่ายผิด ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นการทำตามหน้าที่

ซึ่งกระแสสังคมส่วนใหญ่มองว่าคนที่จะผิดสำหรับเรื่องนี้คือเจ้าของสุนัข ที่ค้างค่าเช่าเองถึง 4 เดือน แม้จะเข้าใจว่าอยู่ในช่วงเศรษฐกิจที่ไม่ดี แต่ก็ควรหาวิธีแก้ไขเองก่อน เพราะตัวเองก็รู้อยู่แล้วว่าการค้างค่าไฟนานถึง 4 เดือน เสี่ยงต่อการถูกตัดไฟแน่นอน ควรจะคิดหาวิธีดูแลสัตว์เลี้ยงของตัวเอง ไม่ใช่มาโทษเรื่องที่ถูกตัดไฟ

เรียบเรียงโดย ทีมงาน siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ