พนักงาน JSL ร้องไห้กลางวงสื่อ รับชดเชย 16%

พนักงาน JSL ร้องไห้กลางวงสื่อ รับชดเชย 16%

เรียกได้ว่าเป้นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ได้เป็นที่พูดถึงกันอย่างมากจากกรณีที่บริษัทบันเทิงใหญ่อย่าง JSL ปิดตัวบางส่วนแบบฟ้าแล่บ ปิดตำนาน 43 ปี แต่กลับมีดราม่าเรื่องหนึ่งที่หลายคนให้ความสนใจนั่นคือ เงินชดเชยที่พนักงานจะได้รับมีเพียง 16% เท่านั้น แบบนี้ทำเอาชีวิตพนักงานเดือดร้อน และถือว่าไม่ใจเลย ล่าสุด วันที่ 3 กรกฎาคม 2565 เฟซบุ๊ก นารากร ติยายน มีการโพสต์รายละเอียดเกี่ยวกับ

เรื่องดังกล่าวว่า มีพนักงาน 89 คนที่ถูกเลิกจ้าง และรับเงินชดเชย 16% ซึ่งแต่ละคนเจอเงื่อนไขที่ต่างกันดังนี้ 1. มีพนักงาน 10 คนยอมรับเงินชดเชย 16% เพราะเพิ่งทำงานไม่นาน 2. พนักงาน 79 คน รวมตัวถามความยุติธรรม ส่วนใหญ่ทำงานนานมาก บางคนอยู่ในช่วงตั้งบริษัทด้วยซ้ำ 3. หลังจากที่มีข่าวว่าเลิกจ้างไม่เป็นธรรม มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน พื้นที่

4 เข้าไปคุยกับพนักงาน ให้คำปรึกษา และนัดหมายให้ไปพบที่สำนักงานในวันจันทรที่ 4 ก.ค. เปิดโอกาสให้ร้องเรียนและฟ้องร้องครบจบที่เดียว 4. นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีการเปิดห้องประชุมพิเศษเพื่อให้พนักงานพูดคุยกับรัฐมนตรีในวันที่ 5 ก.ค. เวลา 15.30 น. 5. รายการที่ JSL ผลิตให้กับช่อง 7 คือ รายการ ไมค์คู่ไม่รู้ใคร และรายการ มาลัยไฟท์เตอร์

จะสิ้นสุดการออกอากาศในเดือนกรกฎาคม 2565 เท่านั้น และนี่คือเทปที่บันทึกเสร็จแล้วบางส่วน ที่เหลือจะเป็นการรีรันเทปหรือเอาเทปเก่ามายำ 6. รายการเจาะใจ หนึ่งในรายการตำนานของ JSL ที่ออกอากาศทางช่อง 30 ช่อง 9 HD จะออนแอร์ต่อไป แต่เปลี่ยนผู้ผลิตเป็นบริษัท Juve9 7. สำหรับทนายความที่จะเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องนี้คือ นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ขณะที่ เฟซบุ๊ก

Suwannee Pratyasachkarn อดีตพนักงาน มีการโพสต์ตัดพ้อว่า เมื่อมีการประกาศปิดบริษัทแบบทันทีไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทั้งที่แต่ละคนยังก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่มีสัญญาณใด ๆ บอกมาเลยว่า เราไปต่อไม่ได้ เรากำลังเตรียมงานที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้าด้วยซ้ำ ทันทีที่รู้ข่าว สายตาแต่ละคนหันมามองกันว่า จะเอายังไงต่อไปดี จะบอกครอบครัวยังไง จะหาเงินจากไหนมาเลี้ยงครอบครัว ตื้อไป

หมด บางคนทำงานที่นี่นานมาก พอ ๆ กับอายุบริษัท บางคนเริ่มงานตอนหนุ่มสาว ตอนนี้กำลังเข้าสู่รุ่นสูงวัย คิดว่าจะได้เงินก้อนหนึ่งไปใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างมีความสุข แต่กลับไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าย้อนถามถึงสาเหตุที่ทำไมพวกเราทำงานที่นี่นานขนาดนี้ บอกได้เลยว่า เป็นการปลูกฝังจากผู้บริหารที่บอกว่า เราจะทำงานไปด้วยกัน สู้ไปด้วยกัน เพราะที่นี่คือบ้าน เราต้องฝ่าฟันเพื่อให้บ้านอยู่รอดให้ได้

ยอมลดเงินเดือน หักโอที พวกเราทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้มันรอด แต่สุดท้ายก็สู้ไม่ไหว ได้แต่มองหน้ากันแล้วก็ปลอบกันไป อย่างไรก็ตาม ตอนแรกคิดว่า พวกเรายังมีเงินชดเชยพอเอาไปเลี้ยงครอบครัวได้ระยะหนึ่ง พอลืมตาอ้าปากได้บ้าง ก่อนปิดฉากจากลาบ้านหลังนี้ แต่กลายเป็นว่า เงินชดเชย 16% กลายเป็นสิ่งที่พวกเราหันไปมองหน้ากันแล้วเห็นหน้าตาของเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่คิด

ไม่ออกว่า จะเอาเงินก้อนนี้ไปทำอะไรก็ไม่ได้ มันน้อยเหลือเกิน จะอยู่รอดถึงสิ้นเดือนนี้ไหม ก็ได้แต่ภาวนาให้ทุกคนเข้มแข็ง ขณะเดียวกัน กลุ่มอดีตพนักงาน JSL เดินทางมาพบทนายเดชาเพื่อรวมตัวเรียกร้องสิทธิและความถูกต้องตามกฎหมาย จากนั้นพนักงานแต่ละคนก็ออกมาพูดระบายความรู้สึกให้ฟังกันออกสื่อ แต่ที่ทัชใจคนที่สุดคือ เรื่องเล่าจากพนักงานสาวคนหนึ่ง

เล่าว่า ในวันที่ประกาศ เขาให้ลูกสาวเจ้าของบริษัทอ่านคำแถลงว่า บริษัทเราขาดทุน ไปต่อไม่ได้ ให้พนักงานเหมือนเก็บข้าวของ ขอบคุณทุกคนที่อยู่สู้ เขารวบรวมเงินกับผู้บริหารได้ 1 ก้อน ให้พนักงานทุกคนได้มีเงิน ตอนนั้นเรารู้สึกเสียใจที่บริษัทปิด เข้าใจได้

เพราะว่า 2 ปีที่ผ่านมาพวกเราโดนลดเงินเดือนก็ยังอดทนได้เลย ลดเงินเดือนเราไม่พอ จ่ายครึ่งเดียวเราก็อดทน ถามว่าชีวิตทำงานเบื้องหลังกันมาตลอดเลย ไม่เคยมานั่งร้องไห้หน้าสื่อแบบนี้เลยนะพี่ มันจุกมากเลยนะ แล้วหนูตกงานคู่กับแฟน ลูกหนูยังไม่ถึงขวบเลย

จากนั้นสามีก็มีลูกน้อยเข้ามาในห้องด้ว ซึ่งภรรยากล่าวต่อไปว่า มันเสียใจนะ เราก็คิดว่า เราคงมีเงินชดเชยแหละตามกฎหมาย แล้วเราไม่คิดว่า สิ่งที่เขารวบรวมให้เรา 16% หนูอยู่ที่นี่มา 8 ปี ตั้งแต่เรียนจบมา แฟนหนูอีก 21 ปี เทียบเป็นเงินเดือนหนูคือ มากกว่า 2,000 บาท ตกงานเงินยังไม่มีตั้งตัวเลย

เรียบเรียงโดย ทีมงาน siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ