เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ได้เป็นที่พูดถึงกันอย่างมากเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 2565 นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ได้ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแส โดยระหว่างให้สัมภาษณ์ นายอัจฉริยะขอให้โทรศัพท์ต่อสายถึง กระติก หนึ่งในคนบนเรือใน คดีแตงโม โดยบางช่วงบางตอน

นายอัจฉริยะได้ถามกระติกถึงภาพวงจรปิดที่หัวเรือ ดูภาพๆ หนึ่งนะ ใช่ กระติกเปล่า ซึ่งกระติกตอบว่า ใครอ่ะ ไม่ใช่ติก ติกนั่งอยู่ข้างล่าง ที่วงกลมสีแดงใคร ปอและโมยืนเท้าไหล่อยู่ ถ้าช่วงเวลานั้น เขาเท้าไหล่ว่ากัน พูดออกอากาศได้มั้ย เป็นอะไร หนูจำได้แค่นี้แหละ หนูนั่งอยู่ฝั่งปอ และโมยืนเท้าไหล่ปออยู่

หลังกระติกเป็นจ๊อบไหม จำไม่ได้ค่ะ สายตาติกเห็นแค่สองคนนี้ ข้างหลังติกมองไม่เห็น ต้องหันไปเลย แล้วลมก็ทำหัวฟู หนูก็ไม่หันไป อันนี้เห็นเพราะอยู่หางตาข้างๆ แต่ข้างหลังไม่เห็นเลย ต้องหันเอี้ยวตัวไปมองถึงจะเห็น ถ้าจะมาถามละเอียดขนาดนี้ ติกไม่เห็นหรอกว่าใครอยู่ตรงไหน เวลาไหนๆ ล่าสุด นายอัจฉริยะ

ได้ไลฟ์สดถึงประเด็นดังกล่าว ซึ่งมีข้อความบางช่วงบางตอนว่า เราทำงาน เราต้องใช้ความคิด และเราต้องไม่ทำผิดกฎหมายซะเอง อย่าไปหลงกลเขา อย่างเมื่อวานเขาก็หลงกลผม ไปออกรายการโหนกระแส เขาก็โชว์เลย หัวเรือ 2 คน ไม่ใช่คนนี้ 2 คนนี้มันมีปัญหากัน มันก็มีเหตุนะครับ

ในเมื่อคน 2 คนมีปัญฆากัน ตรงหัวเรือ เป็นใครละครับ คุณระบุชื่อชัดเจน เห็นไหม คุณก็หลงกลผมแล้ว พอคุณบอกว่ามันมีการทะเลาะกันนะ กับน้องแตงโม ที่หัวเรือ เอาละว่ะ มูลเหตุจูงใจมาแล้ว นี่คือเหตุจูงใจที่มีปัญหากันบนเรือ มันก็เป็นเหตุที่ทำให้ตกหัวเรือได้

ฉะนั้น สิ่งต่างๆเหล่านี้ ผมถึงบอกพี่น้องประชาชนทั้งประเทศว่า มันอยู่ที่หัวในความคิด กึ๋นของแต่ละคน ในการที่เอามาในรายการโหนกระแส เหล่านี้มันเป็นวัตถุพยานสำคัญ เมื่อคุณออกสื่อ แล้วมาบอกว่าวันนั้นฉันพูดผิด ฉันไม่ใช่ ไม่ใช่ครับ คุณพูดไปแล้ว ต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศไทย ดังนั้น คุณพลาดแล้ว

เรียบเรียงโดย ทีมงาน siamnews