จากกรณี น.ส.น้ำทิพย์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 40 ปี สาวโรงงานแห่งหนึ่ง ในเขตนิคมอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี ถูกเจ้าบ่าว คือ นายเอก สุวรรณหงษ์ ขอแต่งงานในวันที่ 1 พ.ค. 65 พอถึงวันพิธีแต่งงาน เจ้าบ่าวกลับหนีหาย ปล่อยให้ทางเจ้าสาวดำเนินการขั้นตอนทางศาสนาไปเพียงคนเดียว แม้แต่ช่วงแห่ขันหมาก พ่อเจ้าสาวต้องเป็นตัวแทนแห่ขันหมากไปที่บ้านเจ้าสาว เพื่อเรียกขวัญและกำลังใจให้กับลูกสาว

ด้าน นายเอก สุวรรณหงษ์ เจ้าบ่าวเทงานแต่ง ได้ติดต่อผ่าน นายวัชรพล ศรีอวน นายก อบต.นาดี เรื่องที่จะมีการตกลงพูดคุยและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายงานแต่งงานทั้งหมด ที่ทำให้ น.ส.น้ำทิพย์ เจ้าสาว ซึ่งเป็นผู้เสียหาย นัดพบพูดคุยในวันที่ 11 พ.ค. 65 เวลา 09.00 น. ที่ สภ.นาดี จ.ปราจีนบุรี แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายเอก สุวรรณหงษ์ ไม่ได้เดินทางมาตามที่นัดหมาย ทำให้ น.ส.น้ำทิพย์ เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นผู้อื่น (อ้างว่าเป็นทหารยศจ่าสิบเอก)

ล่าสุดเวลา 13.00 น. วันที่ 17 พ.ค. 65 นายเอก สุวรรณหงษ์ อายุ 43 ปี ได้เดินทางมาพร้อมกับ นายวัชรพล ศรีอวน นายก อบต.นาดี เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.นาดี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา โดยพนักงานสอบสวนได้สอบสวนนายเอกเพื่อยืนยันตัวตน และรับว่าเรื่องที่ถูกกล่าวหาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง จึงได้ทำบันทึกรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมพิมพ์ลายนิ้วมือ

พ.ต.ท.ประสิทธิ์ ภัคดี สารวัตรสอบสวน สภ.นาดี เปิดเผยว่า ได้แจ้งข้อหาฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น แต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ เพื่อหลอกให้คนอื่นหลงเชื่อ มาตรา 146 โทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 2,000 บาท โดยฝ่ายผู้ถูกกล่าวหามาพบพนักงานสอบสวนด้วยตัวเอง มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติกรรมจะหลบหนี จึงไม่จำเป็นต้องประกันตัวแต่อย่างใด โดยได้ยอมรับผิดและยินยอมที่จะชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด มีค่าใช้จ่ายงานแต่งจำนวน 305,000 บาท รวมทั้งค่าทำให้อับอายเสียหน้าอีก 300,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 605,000 บาท โดยตกลงผ่อนจ่ายให้เดือนละ 12,000 บาทจนกว่าจะหมด จึงลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน

นายเอก กล่าวว่า หากจะพูดไปเหมือนกับเป็นการแก้ตัว แต่ก็มีบางอย่างที่ข้อมูลเป็นเท็จเหมือนกัน คือการประโคมข่าว เมื่อถามว่ายังรักเจ้าสาวคนนี้อยู่ไหม นายเอกได้เปิดใจว่า ยังรักเจ้าสาวคนนี้อยู่ เขายังขอโอกาสกลับมาคืนดี แต่ไม่รู้ว่าเจ้าสาวจะยกโทษให้หรือไม่ ส่วนค่าเสียหายที่หลานชายของเจ้าสาวเรียกมานั้น ตนยินยอมจะชดใช้ทุกบาททุกสตางค์ โดยขอเวลาให้ตนผ่อนชำระ ส่วนเรื่องที่มีข่าวว่าตน ไปทำพฤติกรรมแบบเดียวกันที่โคราชนั้น ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง แต่ข้อเท็จจริงนั้นไม่ใช่อย่างที่เป็นข่าวทั้งหมด โดยตนไม่ขอลงรายละเอียดลึกไปกับเรื่องนี้ เพราะว่าไม่มีหลักฐานจะไปอ้างอิง สำหรับสาเหตุที่ตัดสินใจไม่มาในวันที่ 11 พฤษภาคมตามที่ได้เอ่ยว่าขะขอเจรจากับเจ้าสาว เพราะว่าตอนนั้นหาเงินไม่ทัน และไม่มีเงินที่จะเดินทางมา ประกอบกับพักอยู่กับเพื่อน ไม่สามารถทิ้งเพื่อนให้อยู่คนเดียวได้ จึงไม่ได้มาตามเวลาที่นัดไว้ ส่วนในวันนี้ที่ตัดสินใจมาเพื่อยืนยันว่าไม่ได้หนี และพร้อมรับผิดชอบในส่วนที่ได้กระทำไว้