แค่การแต่งตัวมันวัดค่าของคนไม่ได้
ที่ร้านขายของชำแห่งหนึ่ง ป้าจี๊ด(เจ้าของร้าน)เม้าท์กับลูกค้าคนหนึ่ง ท่าทางมีเงิน แล้วลูกค้าก็ขอไปเข้าห้องน้ำ ระหว่างนั้น มีผู้ชายจรจัดคนหนึ่งแต่งตัวโทรมๆ ป้าจี๊ดมองเห็นเข้ามาร้านตัวเอง เลยมองด้วยความเหยียด ไม่ไว้ใจ ลูกค้าของป้าจี๊ดออดมาก็เผลอไปยืนเลือกของใกล้ๆ ผู้ชายคนนั้น พอเห็น ก็รู้สึกกลัว และเดินมาบอกป้าจี๊ดว่า ดูท่าทางไม่น่าไว้ใจ และพอลูกค้าจะจ่ายเงิน
ปรากฏว่ากระเป๋าตังค์ของเธอหายไป ป้าจี๊ดกับลูกค้า คิดว่าผู้ชายคนนั้นเป็นคนขโมยไปแน่ๆ เลยด่าชายคนนั้น แต่ชายจรจัดปฏิเสธหนักแน่นว่าไม่ได้เอาไป ทั้งสองก็ไม่เชื่อ ดูจากสารรูปยังไงก็ขโมย ป้าจี๊ดตัดสินใจโทรเรียกตำรวจมาจับ คนจรจัดขอโทษ อ้อนวอน ยังปฎิเสธยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนขโมย แต่ทั้งคู่ไม่เชื่อให้ลูกค้าผู้ชายอีกคนช่วยจับไว้
จังหวะนั้นลูกสาวป้าจี๊ดวัย 8 ขวบเดินออกมาจากในบ้าน ป้าจิ๊ดเห็นรีบดึงตัวไว้เพราะกลัวไปโดนเนื้อตัวที่น่ารังเกียจและสกปรกของคนจรจัด แต่ลูกสาวกลับบอกป้าจี๊ดและลูกค้ากระเป๋าตังหายว่า ลุงจรจัดคนนี้ไม่ได้ขโมย ป้าจี๊ดและลูกค้าบอกว่าลูกยังเด็ก
ยังดูคนไม่เป็น อย่าให้ความสงสารทำให้ต้องปล่อยหัวขโมยชั่วๆไป ลูกสาวมองลุงจรจัดด้วยความสงสาร แล้วหยิบกระเป๋าตังของลูกค้าคนนั้นออกมาจากกางเกงตัวเอง แล้วบอกว่าคุณลุงไม่ได้เป็นคนขโมย แต่คุณน้าลืมกระเป๋าตังไว้ในห้องน้ำต่างหาก
ลูกสาวสอนแม่ตัวเองกับน้าเจ้าของกระเป๋าตังว่า อย่าไปตัดสินใครจากเสื้อผ้า และภาพลักษณ์ภายนอก ลูกค้าเจ้าของกระเป๋าตังค์เขินทำตัวไม่ถูกเลยหยิบกระเป๋าตังค์จากลูก แล้วรีบออกไปเลย ส่วนป้าจี๊ดหน้าชาต้องขอโทษชายจรจัดคนนั้นเพราะนิสัยมองคนที่ภายนอกของตนเอง
เรียบเรียง siamnews