นายกคาสโนวาโชว์ใบหย่าภรรยาก่อนจีบสาว
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่เป็นที่พูดถึงกันอย่างมาก กรณีเพจ อีซ้อขยี้ข่าว โพสต์ข้อมูลนายกเทศมนตรีในจังหวัดหนึ่ง มีพฤติกรรมหื่นกาม พยายามจะจับเลขาหน้าห้องมาเป็นภรรยา เมื่อฝ่ายหญิงไม่เล่นด้วยก็สั่งย้าย แกล้ง จากนั้นยังทำพฤติกรรมแบบเดิมกับพนักงานสาวฝ่ายอนามัยอีกด้วยวันที่ 9 พ.ค. 65 ทีมข่าวเดินทางไปที่สำนักงานเทศบาลเมืองนาครนายก พูดคุยกับนายศุภกฤษณ์ จัยสิทธิ์ อายุ 61 ปี นายกเทศมนตรีเมืองนครนายก
กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่ามีการจีบพนักงานทั้ง 2 คนจริง แต่ไม่ได้มีการแกล้งตามที่มีข่าวออกมา โดยนายศุภกฤษณ์ โชว์หลักฐานเป็นใบหย่าของตัวเอง ระบุว่าเลิกรากับภรรยาตั้งแต่ปี 2540 หมายความว่าตัวเองเป็นโสด สามารถพูดคุยกับใครก็ได้ ซึ่งคนแรก คือ น.ส.น้ำ นามสมมติ ซึ่งเป็นเลขาของตัวเอง เริ่มจีบตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกฯใหม่ ๆ ช่วงเดือนมิถุนายนปี 2564 ซึ่งก็
มีการพูดคุยตามเสียงที่ออกมาจริง แต่ฝ่ายหญิงปฏิเสธ ตนก็หยุด ไม่ได้สานต่อและไม่ได้ตามตื๊อ แต่ปัญหาเกิดจากเรื่องการทำงาน โดยมีหลักฐานเป็นแชตไลน์ที่พูดคุยกันในไลน์กลุ่มช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถามเรื่องป้ายนัดหมายตารางงานในห้องทำงานนายกฯ ที่สั่งให้เขียน และตราประทับ ที่สั่งให้ไปดำเนินการว่าเสร็จหรือยัง เพราะสั่งไปนานแล้ว พร้อมต่อท้ายว่าทำงานเหมือนไม่ใส่ใจ
น.ส.น้ำ ก็ตอบมาว่า ขอลาออกจากการเป็นเลขาฯ เพราะทำงานได้ไม่ดี เคยบอกนายกไปหลายรอบแล้วให้พิจารณา นอกจากนี้ยังถามต่อว่าหรือจะให้ลาออกดี จะได้ให้ที่บ้านไปคุย นายกฯ ตอบกลับไปว่าได้ทุกอย่าง จะลาออกก็ยื่นมาเลย พร้อมถามว่า จะให้ตั้งคณะกรรมการสอบไหม น.ส.น้ำจึงตอบว่า แล้วแต่ท่านค่ะ เอาที่สบายใจ ความเป็นสุภาพบุรุษคงหาไม่ได้เลยจริง ๆ นายกฯจึงตอบว่า
คุณว่าผม แล้วคุณดีแค่ไหน นายศุภกฤษณ์ ระบุว่า หลังจากที่มีการสนทนากันดังกล่าว น.ส.น้ำ ก็ทำเรื่องขอย้ายไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดนครนายก ตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 โดยเรื่องที่ตนทวงถามไปเป็นเรื่องงาน และไม่ได้แกล้ง เอาเรื่องส่วนตัวมาเอี่ยวด้วยขณะที่แชตส่วนตัวของ น.ส.น้ำ นายศุภกฤษณ์ ทักมาหาพร้อมถ่ายรูปตัวเองส่งมาตลอด โดยเรียกฝ่ายหญิงว่าคุณเลขา
คนดีของนายก ทั้งยังมีข้อความในทำนองรักมาก และจะรักตลอดไป นอกจากนี้ ยังมีการถามฝ่ายหญิงว่าสอบเป็นอย่างไรบ้าง เมื่อ น.ส.น้ำ ตอบว่าไม่ผ่าน นายกฯ ก็ตอบว่าไม่เป็นไร อยู่กับพี่มีอนาคตที่ดี ได้ 2 ขั้นทุกปี พี่อยู่ 4 ปี เอาไป 8 ขั้น ส่วนข้อความในไลน์กลุ่มเทศบาล นายกฯ ถามถึงเรื่องงานกับ น.ส.น้ำ มีการต่อว่าทำงานแบบไม่ใส่ใจ น.ส.น้ำจึงขอลาออกจากการเป็นเลขานุการ และมี
การพูดคุยกัน ส่วนคนที่ 2 น.ส.พิมพ์ นามสมมติ เป็นลูกจ้างในฝ่ายสำนักอนามัยของเทศบาล ตนก็มีการพูดคุยในลักษณะการจีบจริง โดยเริ่มช่วงเดือนพฤศจิกายน 2565 ลักษณะเป็นการคุยแชตไลน์กัน อีกฝ่ายก็ตอบมา ไม่ได้ปฏิเสธ และมีการโอนเงินให้ไปเกือบ 10 ครั้ง ครั้งละ 1,000-5,000 บาท รวมแล้วเป็นหลักหมื่นบาท ส่วนใหญ่ น.ส.พิมพ์ ขอมาในเรื่องส่วนตัว แต่บางครั้งตนก็โอน
ให้เอง โดยไม่ได้มีการผูกมัดว่าจะต้องมีสิ่งตอบแทน ตนยืนยันว่าไม่ได้ตามตื๊อจนอีกฝ่ายรำคาญ หรือตามให้มาทำงานในวันหยุด แต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 พฤษภาคมตนเข้าไปตรวจที่สำนักอนามัย พบว่าไม่มีคนมาเข้าเวร จึงสอบถามไปทราบว่าเป็นเวรของ น.ส.พิมพ์ แต่เจ้าตัวขาดเวร จึงสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น และมีการตั้งคณะกรรมการสอบเพราะทำผิด ส่วนข้อความที่ตนใช้คำไม่สุภาพในกลุ่มไลน์
ตัวเองไม่ได้ระบุเจาะจงว่าว่าใคร และไม่ได้แท็กชื่อน.ส.พิมพ์ หรืออักษรย่อด้วยซ้ำ ยืนยันว่าไม่ได้สว่าอีกฝ่าย กรณีการสั่งย้าย น.ส.พิมพ์ จากกองสาธารณสุขมาอยู่กองสวัสดิการสังคม เพราะกองสวัสดิการสังคมขาดเจ้าหน้าที่ในการลงพื้นที่ จึงขอยืมตัว น.ส.พิมพ์ มาช่วยเท่านั้น สำหรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ยืนยันตัวเองไม่ได้ทำผิดศีลธรรม เพราะหย่าแล้ว เป็นโสด และไม่ได้คุยแชตในเวลา
ราชการ ส่วนใหญ่จะทักไปคุยตอนเช้า หรือหลังเลิกงาน กรณีที่บางเพจ ระบุว่าตนเป็นนายกสายนั้น ก็อยู่ที่มุมมองและข้อเท็จจริง แต่ยืนยันว่าตนไม่เคยล่วงเกินฝ่ายหญิง แม้แต่จับแขนยังไม่เคยทำ น.ส.ยุวดี ยอดทอง หรือ แพม หรือ พิมพ์ อายุ 39 ปี ผู้เสียหาย ระบุว่า ก่อนหน้านี้ตัวเองเป็นพนักงานจ้าง ตำแหน่งผู้ช่วยทันตแพทย์ ประจำศูนย์บริการสาธารณสุขเทศบาลเมืองนครนายก แต่ตอนนี้ถูก
ย้ายมาอยู่ที่กองสวัสดิการ โดยก่อนหน้านี้นายศุภกฤษณ์ นายกเทศมนตรีเมืองนครนายก มีท่าทีเข้ามาจีบตน ด้วยการทักไลน์มา บางครั้งก็เรียกตนว่าที่รัก ซึ่งตนก็ปฏิเสธไปว่าไม่ได้คิดอะไร แต่นายกฯ ยังตามตื๊อ มีการบอกว่าเลิกกับภรรยาแล้ว และจะดูแลตน เสนอเงินให้เดือนละ 10,000 บาท แต่ตนไม่รับเพราะไม่อยากเป็นภภรยาน้อย แม้อีกฝ่ายจะไม่พูดตรง ๆ และเชื่อว่าอีกฝ่ายยังคบกับภรรยาอยู่แม้จะ
อ้างว่าหย่ากันไปแล้ว หลังจากนั้นก็ยังมีการทักมาคุยตลอด ตัวเองก็ไม่กล้าปฏิเสธ เพราะอีกฝ่ายเป็นผู้บังคับบัญชา แต่บอกตลอดว่าไม่ได้คิดเรื่องชู้สาว ทั้งนี้ยอมรับว่านายศุภกฤษณ์โอนเงินมาให้จริง แต่ตนไม่เคยขอ อีกฝ่ายโอนมาให้เอง ตนก็เคยปฏิเสธไป แต่ไม่สำเร็จ ก็รับมาและคิดว่าไม่ผิด เพราะไม่เคยไปขอ โดยพฤติกรรมของนายศุภกฤษณ์เริ่มน่ากลัวขึ้น มีการทักมาถามว่าเลิกงานหรือยังจะขอไป
นอนด้วย และช่วงสงกรานต์ก็ทักมาถามว่าไปเที่ยวที่ไหน ซึ่งตนก็กลัว นอกจากนี้ อีกฝ่ายยังเคยชวนตนไปกินอาหารกลางวันที่กรุงเทพฯ แต่ตนปฏิเสธ และรีบหนีกลับบ้านด้วยความกลัว น.ส.ยุวดี กล่าวต่อว่า ตอนนี้ตัวเองยังทำงานอยู่ตามปกติ และจะไม่ย้ายไปไหน เพราะตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ยอมรับว่ากลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม อยากวิงวอนให้
ทางจังหวัดให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านของอดีตภรรยานายศุภกฤษณ์ ยืนยันว่าตัวเองเลิกกับนายศุภกฤษณ์ตั้งแต่ปี 2540 แต่ยังคุยกันในฐานะเพื่อน ส่วนข่าวที่ออกมาไม่ทราบรายละเอียด ไม่ขอแสดงความคิดเห็น เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของอีกฝ่ายที่มีสิทธิ์จะทำได้
เรียบเรียงโดย ทีมงาน siamnews