สรีระขารหลวงพ่อพูล ไม่เน่าเปื่อย ผ่องสีทอง แห่จดเลขแบงค์พันเหน็บประคดในโลงแก้ว
วันนี้ 7 พฤษภาคม 2565 ที่ศาลาหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม พระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม นำคณะสงฆ์จัดพิธีเปลี่ยนผ้าครองสรีระสังขาร พระมงคลสิทธิการ หลวงพ่อพูล อัตตรักโข อดีตเจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม เกจิชื่อดังของจังหวัดนครปฐม ประจำปี พ.ศ.2565 โดยมีศิษยานุศิษย์และคนมีชื่อเสียงจากหลายวงการเข้าร่วมในพิธี อาทิ พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม นายสมชาติ สาลีพัฒนา เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลานายเงี๊ยบ (ก๋วยเตี๋ยวระดับมิชลีน) สุกัญญา มิเกล ฤทธิ ลือชา โต กะลา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก
โดยหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้กำหนดเวลา 14.55 น. เป็นเวลาฤกษ์งามยามดี ในการนำรสรีระสังขารของหลวงพ่อพูล ออกจากโลงแก้ว ที่ตั้งอยู่บนประติมากรรมเป็นรูปหล่อหลวงพ่อพูล นั่งอุ้มโลงแก้วที่บรรจุสรีระสังขาร นั่งอยู่บนหนุมาน ลงมาตั้งที่ด้านล่าง จากนั้นได้ทำการถอดเปลี่ยนผ้าครองจากผืนเดิม โดยขณะที่หลวงพี่น้ำฝนปลดประคดออก ปรากฏว่ามีธนบัตรเหน็บอยู่เมื่อคลี่ออกดูพบว่าเป็นธนบัตรใบละ 1,000 บาท โดยมีคอหอยได้รีบตรงเข้ามาส่องเลขประจำธนบัตร โดยพบว่าเป็นเลข 9 ค 5200575 ซึ่งทำให้หลายคนต่างๆฮือฮาขอดูเลขดังกล่าว โดยมีการขอให้ไปยื่นให้ดูและมีการใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายไว้ด้วย
จากนั้นหลวงพี่น้ำฝน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ได้เชิญศิษยานุศิษย์ นำโดย พล.ต.ต.ชมชวิณ ปุระธนานนท์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครปฐม นายสมชาติ สาลีพัฒนา ศิษย์เอกของหลวงพี่น้ำฝน ได้เป็นผู้เริ่มในการนำแอลกอฮอล์ เช็ดบนสังขารเพื่อทำความสะอาดและฆ่าเชื้อ จากนั้นได้นำวาสลีน มาทาเคลือบอีกชั้นเพื่อป้องกันการขึ้นรา แต่ทุกปีก็เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์เพราะจากการสังเกตพบว่า ที่สรีระสังขารของหลวงพ่อพูล ปีนี้มีความแห้งและเริ่มแข็งเป็นเหมือนเนื้อหิน และที่ช่วงหัวไหล่ที่แห้งมากจะมีสีเป็นสีทองอร่าม เป็นที่น่าตื่นตาของคนที่อยู่ในพิธีนอกจากนี้ยังพบว่า ทีเล็บมือและเท้ายังมีการงอกยาวออกมามากกว่าปีที่ผ่านมาด้วย โดยพิธีการทั้งหมดใช้เวลาราว 1.30 ชม.จึงเสร็จสิ้น
สำหรับพิธีการเปลี่ยนผ้าครองดังกล่าว หลวงพี่น้ำฝนได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปีหลังจากที่หลวงพ่อพูลได้ละสังขารไปเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2548 เวลา 14.55 น. ถึงวันนี้เป็นเวลา 17 ปีซึ่งบารมีของหลวงพ่อพูลปรากฏให้ลูกศิษย์ลูกหาได้เห็นคือท่านมรณะภาพในวันวิสาขบูชา จากนั้นสรีระสังขารของท่านไม่เน่าเปื่อยและคงเป็นสีทองอร่าม และมักให้โชคลาภกับคนที่มาขอเรื่องการงานและธุรกิจ โดยจะมีคำที่รู้กันสำหรับเรียกทรัพย์ คือ เงินทอง ไหลมานะชาลีติ
สำหรับหลวงพ่อพูล วันอาทิตย์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2455 ปีชวด เป็นบุตรคนที่ 6 ในจำนวนพี่น้อง 10 คน บิดา นายจู มารดา นางสำเนียง นามสกุล ปิ่นทอง เกิด ณ บ้านเลขที่ 75 หมู่ 3 ตำบลดอนยายหอม อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม วัยเยาว์เข้าศึกษา ที่โรงเรียนวัดห้วยจระเข้ สำเร็จชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เมื่อปี พ.ศ. 2471 เริ่มจุดประกายเรียนรู้ เขียนอ่านอักขระภาษาขอม และวิชาแพทย์แผนโบราณ ฝากตัวเป็นศิษย์ ปู่แย้ม ปิ่นทอง ผู้เป็นปู่แท้ๆ เพื่อเรียนวิชาดังกล่าว ด้วยความตั้งใจ จนชำนาญการเป็นอย่างดี ที่สำคัญปู่แย้ม เป็นศิษย์ที่ได้รับการถ่ายทอดวิชาอาคม มาจาก หลวงปู่จ้อย วัดบางช้างเหนือ หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง และหลวงปู่กลั่น วัดพระประโทนเจดีย์ อีกด้วย
อีกทั้งปู่แย้ม ยังมีเพื่อนรักอีกคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ที่ตำบลดอนยายหอม เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน คือ นายพรม ด้วงพลู หรือที่รู้จักกันดีในนาม พ่อพรม จอมขมังเวทย์ แห่งดอนยายหอม ผู้เป็นบิดาของ หลวงพ่อเงิน เทพเจ้าแห่งดอนยายหอม พระเกจิอาจารย์ผู้เรืองนามแห่งเมืองนครปฐม
ในปี พ.ศ. 2477 หลวงพ่อพูล อายุครบเกณฑ์ทหาร จึงสมัครเข้ารับราชการในสังกัดทหารม้ารักษาพระองค์ ประจำการ ณ กองบัญชาการเดิม สะพานมัฆวานรังสรรค์ กรุงเทพมหานครและได้ปลดประจำการ หลังครบกำหนด 1 ปี 6 เดือน ได้รับยศสิบตรี ทันทีที่จบจากการรับใช้ชาติ เข้าบรรพชาอุปสมบท เมื่อวันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 ณ พัทธสีมา วัดพระงาม ระหว่างนั้นได้ฝึกเจริญจิตภาวนา ฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อพร้อม วัดพระงาม อีกทั้งยังฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
กระทั่ง หลวงพ่อพูล ได้ละสังขารอย่างสงบเมื่อ เวลา 14.55 น. วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 วันดังกล่าว เกิดปรากฏการณ์ 3 มงคล ตรงกับวันวิสาขบูชา พิธีไหว้ครูบูรพาจารย์ และหลวงพ่อพูล ละสังขารในวันเดียวกัน ขณะอายุได้ 93 ปี
ข่าวโดย ปนิทัศน์ มามีสุข น.ส.ปณิดา มามีสุข ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.นครปฐม