แซน รับคำท้าอัจฉริยะ ยินดีไกล่เกลี่ย จิน สามีหนิง ปณิตา
วันที่ 4 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ สน.ท่าข้าม แซน-วิศาพัช มโนมัยรัตน์ พร้อม นายพรศักดิ์ วิภาสอาภานนท์ ทนายความเดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน สน.ท่าข้าม เพื่อเข้าปากคำเพิ่มเติมในกรณีที่ตนเองเคยแจ้งความเอา จิน จรินทร์ ธรรมวัฒนะ สามีของหนิง ปณิตา ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา พร้อมกับพาพยานบุคคลมาเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่า อินสตราแกรมที่โพสต์ที่เคยโพสต์ข้อความลักษณะหมิ่นประมาทตนเองนั้นเป็นของ จิน จรินทร์ จริง
แซน วิศาพัช กล่าวว่า ในวันนี้ได้พาพยานบุคคลอีก 1 ปาก มาเข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อยืนยันว่า แอคเคาท์อินสตราแกรม ที่ จิน จรินทร์ ใช้อยู่นั้นเป็นแอคเคาท์จริง รวมถึงให้ความเห็นเกี่ยวกับการที่บุคคลภายในอ่านข้อความลักษณะดังกล่าวนั้นแล้วรู้สึกอย่างไร เป็นข้อความที่มีเจตนาสื่อถึงความหมายใด ทั้งนี้ ก็เพื่อต้องการให้พนักงานสอบสวนนำความเห็นดังกล่าวไปใช้ประกอบการพิจารณา หรือ นำไปประกอบสำนวน ทั้งนี้หากมีการติดต่อขอโทษก็พร้อมพิจารณา เมื่อทำผิดแล้วกล้ายอมรับผิด ก็พร้อมที่จะไกล่เกลี่ยพูดคุยกันได้ เพราะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถ้าไม่มีการติดต่อมาก็คงต้องดำเนินการให้ถึงที่สุด เพื่อเป็นการปกป้องศักดิ์ศรีตัวเราเอง
ด้าน แซน วิศาพัช กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ท้าให้ตนออกมาสาบานเรื่องคดีแตงโมนั้น ยืนยันว่าพร้อมทำตามข้อเรียกร้อง ก็ในเมื่อนายอัจฉริยะ หมดที่พึ่งทางวิทยาศาสตร์มุ่งสู่ไสยศาสตร์แทน ตนก็ไม่ติดขัด เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย แต่ขอเป็นวัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หากให้เดินทางไปที่ จ.บุรีรัมย์ คงไม่สะดวก ขอจุดธูปสาบานที่หน้าบ้านแทน
แต่มีข้อแม้ว่า นายอัจฉริยะ เองก็ต้องออกมาพูดสาบานยืนยันตัวเองด้วยว่า การที่ออกมาเคลื่อนไหวนั้นเป็นเพราะต้องการช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ ไม่มีอะไรแอบแฝง ขอยืนยันว่า การที่ตนไม่ไปสาบาน ที่ จ.บุรีรัมย์ ไม่ใช่ว่าไม่กล้า แต่ระยะทางไกลเกินไป จึงไม่สะดวก และในฐานะที่เป็นคนพุทธเหมือนกัน มองว่าวัดที่ไหนก็เหมือนกัน
แซน วิศาพัช กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายอัจฉริยะ ออกมาเคลื่อนไหว หรือ ให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างๆ มองว่าเป็นข้อมูลที่ออกมาพูดไม่มีมูลความจริง และ เป็นการจินตนาการไกลเกินขอบเขต สร้างผลกระทบให้กับบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างมาก ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาประมวลพิจารณาอีกครั้งว่าจะมีการยื่นฟ้องกลับหรือ โดยจะแบ่งเป็นต่างกรรมต่างวาระ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการพิจารณาให้รอบครอบก่อน