อาคม พูดแล้ว คนละครึ่งเฟส 5 เปลี่ยนสูตรการแจกใหม่ รัฐจ่าย 25 % ประชาชนจ่าย 75 %

อาคม พูดแล้ว คนละครึ่งเฟส 5 เปลี่ยนสูตรการแจกใหม่ รัฐจ่าย 25 % ประชาชนจ่าย 75 %

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าจากข้อเสนอให้ขยายโครงการคนละครึ่งเฟส 5 นั้น ขอประเมินภาวะเศรษฐกิจ และฐานะทางการคลังอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น เมื่อโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ครบกำหนดสิ้นเดือนเม.ย.65 จึงยังไม่มีมาตรการมาสานต่อในทันที

สำหรับแนวคิดการแบ่งเงินสมทบเป็นโดยรัฐสนับสนุนร้อยละ25 ประชาชนจ่ายเงินเองร้อยละ 75 เป็นเพียงตัวเลขตามสื่อ กระทรวงคลังยังไม่มีข้อสรุปในเรื่องนี้

เนื่องจากปัจจุบันเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ประชาชนออกเดินทางไปใช้จ่าย ออกไปท่องเที่ยว โรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร เริ่มจำหน่ายดีขึ้นบ้าง โรงงานเริ่มรับคนกลับเข้ามาทำงาน เพิ่มกำลังการผลิต และเอกชนบางรายอาจเริ่มจ่ายโบนัสในปีนี้ เมื่อเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ความจำเป็นในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

จึงมีความจำเป็นน้อยลง แต่ไม่ใช่รัฐบาลละทิ้งประชาชน เพราะยังดูแลเรื่องการบริโภค ค่าครองชีพ ยอมรับว่ากำลังซื้อไม่ได้กลับมาเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์เหมือนเดิม ขณะที่ต่างประเทศ เริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้ เพื่อใช้การท่องเที่ยวกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายอาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังได้ขยายเพดานหนี้สาธารณะของไทยเป็นร้อยละ 70 แม้ขณะนี้ยอดหนี้สาธารณะอยู่ที่ร้อยละ 62 ยังเหลือช่องว่างอีกร้อยละ 10 นั้น ต้องเก็บเอาไว้รองรับในยามจำเป็นฉุกเฉิน

เพื่อรักษากรอบวินัยทางการเงิน การคลัง เพื่อกู้เงินขาดดุลการคลัง รองรับการใช้เงินของส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจในการพัฒนาระบบขนส่งการเดินทาง การสร้างงาน การสร้างอาชีพ ดังนั้นการกู้เงินเพื่อเยียวยาควรลดลงไป อีกทั้งเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้นตามที่คาดในปี 65 ขยายตัวร้อยละ 3-4 ในปี 66 ขยายตัวร้อยละ 4-5 สัดส่วนหนี้สาธารณะจะลดลงไปด้วย

ส่วนกรณีการชดเชยน้ำมันดีเซล จะครบกำหนดในวันที่ 20 พ.ค.นี้ มองว่ายังเหลือเวลาอีกหลายวันในการพิจารณา เพื่อหาช่องทางลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน

นายอาคม กล่าวอีกว่า กระทรวงคลังไม่ได้ซุกหนี้ 1 ล้านล้านบาท เพราะตาม พ.ร.บ.วินัยการเงิน การคลัง มาตรา 28 เนื่องจากรัฐบาลต้องดูแลประกันราคาพืชเกษตร ทั้งข้าว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ด้วยการให้ ธ.ก.ส.

ออกค่าใช้จ่ายไปก่อน จากนั้นรัฐบาลจะตั้งงบชดเชยให้ภายหลัง การมอบหมายให้ บสย.ค้ำประกันการกู้กับสถาบันการเงินร้อยละ 30 หากมีปัญหาหนี้เสีย จึงตั้งงบชดเชย

ทั้งนี้เพื่อให้เอสเอ็มอีมีทุนฟื้นฟูกิจการ จึงถือว่าไม่ใช่เป็นการกู้เงิน ซึ่งต้องนำไปบรรจุไว้ในยอดหนี้สาธารณะ ขณะที่ปาล์ม ยางพารา เมื่อราคาดีขึ้น ก็ยังไม่ปิดโครงการ โดยยังคงกรอบวงเงินเอาไว้รองรับในปัจจุบัน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ