เว็บไซต์ต่างประเทศ nate รายงานว่า นางเอ (นามสมมุติ) อายุ 60 ปี จากประเทศเกาหลีใต้ กล่าวว่า แม่แท้ ๆ ที่แยกไปมีครอบครัวของตัวเอง และไม่ได้ติดต่อกันเลยกว่า 54 ปี ตั้งที่ลูกยังเล็ก จู่ ๆ ก็กลับมาภายหลังการเสียชีวิตของน้องชายของเธอ

ทั้งนี้ น้องชายของนางเอ ได้หายตัวไปและคาดว่าจะจากไปแล้ว หลังจากไปทำงานบนเรือและเรือได้จมลงสู่ท้องทะเลเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว ซึ่งน้องชายนั้นไม่ได้แต่งงาน ไม่มีลูกไม่มีภรรยา ส่วนคุณพ่อก็จากไปนานแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุให้ทางตำรวจได้ติดต่อคุณแม่ และคุณแม่ก็โผล่มา

ด้านนางเอ บอกว่า ฉันคิดว่าแม่จากไปแล้วซะอีก แม่แต่งงานใหม่ตอนน้องชายอายุแค่ 3 ขวบ ฉันอายุ 6 ขวบ น้องชายเป็นคนที่ร่างกายอ่อนแอมาโดยตลอด เข้าโรงพยาบาลตลอด แต่แม่ไม่เคยแม้แต่จะเหลียวแลลูก ข้าวสักคำจะป้อนเขาปากลูกยังไม่มี ลูกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแม่หน้าตาเป็นยังไง แล้วมันใช้ได้หรือเปล่าที่พอผ่านไป 54 ปี แม่ก็โผล่มาเอาเงินประกันของน้องหลังจากที่น้องจากไปแล้ว

นอกจากนี้ นางเอยังบอกว่า แม้ว่าป้ากับย่าจะไม่ใช่คนมีฐานะและมีชีวิตที่ลำบาก แต่ป้ากับย่าก็เป็นคนเลี้ยงพวกเรามาก ป้ากับย่าต่างหากที่ควรได้เงินประกัน

ทั้งนี้ หากว่ากันตามกฎหมายแล้ว แม่จะเป็นคนที่ได้รับเงินประกันทั้งหมด 300 ล้านวอน (ประมาณ 8.2 ล้านบาท) ซึ่งแบ่งเป็นเงินประกันชีวิต 250 ล้านวอน (ประมาณ 6.9 ล้านวอน) และอีก 50 ล้านวอน (ประมาณ 1.3 ล้านบาท) ซึ่งเป็นเงินชดเชยจากบริษัทชิปปิ้ง ซึ่งตอนนี้นางเอได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อคัดค้านการจ่ายเงินประกันให้แม่

ในขณะที่ศาลแขวงปูซานตะวันตก ได้รับคำร้องคัดค้านเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยในคำร้องระบุว่า หากลูกจากไปและแม่ไม่ได้ทำหน้าที่แม่แล้ว ศาลก็ไม่ควรให้สิทธิ์ในการรับมรดก โดยเฉพาะเงินประกันชีวิตกับแม่ ซึ่งคาดว่านี่เป็นแค่กระบวนการยืดเวลาไปเท่านั้น เพราะหากว่ากันตามกฎหมาย ผู้รับมรดกก็คือแม่

ในขณะที่แม่กล่าวว่า แม่ได้ทำหน้าที่แม่ในการเลี้ยงลูกอย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก่อนแม่ก็เป็นคนเลี้ยงลูกมา แล้วลูกล่ะ ทำอะไรเพื่อแม่บ้าง ลูกเคยดูแลแม่ เคยพาแม่ไปหาหมอหรือซื้อข้าวมาให้แม่กินไหม ลูกคิดว่าแม่จากไปแล้ว แต่แม่ยังมีชีวิตอยู่ และกฎหมายก็ระบุชัดว่าเงินประกันจะต้องตกเป็นของมารดา

ขอบคุณข้อมูลจาก nate