เมียบังคับผัวพิการขอทาน เอาเงินให้ชายอื่น พาเข้าบ้าน ยึดขาเทียมไม่ให้หนี
วันที่ 11 เมษายน 2565 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า มีชายพิการพยายามจะกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ที่สะพานพระราม 4 เคราะห์ดีมีพลเมืองดีเข้าช่วยเหลือไว้ได้ ทราบชื่อต่อมาคือ นายจักรพงศ์ อายุ 39 ปี พิการใส่ขาเทียม เปิดใจเล่าชีวิตว่า การพยายามฆ่าตัวตายครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้ว เพราะทนไม่ไหวที่ถูกภรรยา อายุ 58 ปี ทำร้ายร่างกาย และบังคับให้ไปร้องเพลงเปิดหมวกขอทาน เก็บเงินที่มีผู้ใจบุญบริจาคให้ เมื่อถึงห้องพักจะแบ่งรายได้ให้คนละครึ่ง ก่อนจะออกจากห้องไปข้างนอก พร้อมเอาขาเทียมของตนไปด้วย เพื่อขังตนไว้ เพราะเกรงว่า ตนจะแอบหนีไป
บางครั้งถ้ามีรายได้ไม่เยอะ ก็จะเกิดการโต้เถียงและตนจะถูกทำร้าย รวมถึงมีการพาชายอื่นมาทำร้ายตนด้วย ซึ่งตนต้องทนสภาพนี้มาถึง 3 ปี จนไม่สามารถทนรับสภาพได้อีกแล้ว จึงตัดสินใจกระโดดสะพานแต่มีคนช่วยเหลือไว้ หากเป็นไปได้ตนไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว อยากกลับบ้านที่สุพรรณ
ทางเจ้าหน้าที่ได้พาขึ้นรถเพื่อไปส่งบ้านกลางดึก แต่เมื่อไปถึงพบว่า บ้านมืดจึงสอบถามกับพี่สาว บอกว่าที่บ้านถูกตัดไฟฟ้า เพราะค้างค่าไฟไม่ได้จ่ายมาหลายเดือนแล้ว เนื่องจากยากจนไม่มีงานทำ ทันทีที่นายจักรพงศ์ได้เจอกับพ่อที่ป่วยติดเตียง ก็เข้ากราบพ่อทันที และบอกกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยว่าดีใจที่ได้กลับมาเจอพ่อและพี่อีกครั้ง
ด้าน นางเอ (นามสมมุติ) ซึ่งอาศัยอยู่ที่หอพักใน จ.นนทบุรี เผยว่า ตนไปตามหาสามีตั้งแต่เช้า เพราะไม่รู้ว่าหายออกไปไหน ตนไม่ทราบว่าสามีไปกระโดดแม่น้ำพยายามฆ่าตัวตาย เมื่อวานนี้สามีเมาสุรา ก่อนที่จะออกจากบ้านไป ตนยอมรับว่าเหนื่อยไม่ไหวจึงปล่อยให้ออกไป ซึ่งเวลาที่ฝ่ายชายเมา และโมโห มักจะขาดสติและต่อว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย ที่ผ่านมาตนถูกฝ่ายชายทำร้ายเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้บอกเล่าให้ใครฟัง เพราะมองว่าเป็นเรื่องในครอบครัว
ส่วนที่สามีบอกว่า ตนทำร้ายและทะเลาะกับสามีนั้น ยืนยันว่าการทะเลาะเป็นเรื่องจริง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของสามีภรรยา แต่ทุกครั้งที่ทะเลาะเกิดจากการที่สามีเมาสุรา และมักคิดระแวงว่าตนมีชู้ ซึ่งไม่เป็นความจริง พร้อมยอมรับว่า ที่ผ่านมาตนไม่ให้สามีหนีไปไหน บางครั้งถึงกับเอาขาเทียมไปด้วยจริง เพราะกังวลจะเกิดเหตุแบบนี้ ที่ผ่านมาฝ่ายชายเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วหลายครั้ง ทำให้ตนต้องทำแบบนี้
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าไม่เคยบังคับสามีให้ไปเร่ร่อนขอทาน แต่สามีเป็นฝ่ายอยากไปแสดงความสามารถร้องเพลง ส่วนที่มีคนเห็นว่าตนไปเอาเงินสามีมา ก็เพราะว่าที่ผ่านมาเมื่อสามีได้เงินมาก็เอาไปเลี้ยงเพื่อนฝูงหมด ไม่มีเงินเก็บ เราคบหากันมาตั้งแต่ปี 61 ผัวเมียมีกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา แต่ตนก็รักสามี อยากดูแลเขา ถึงแม้จะตาบอดหรือเป็นอะไรก็จะดูแลเขา และแม้เขาจะทำงานอะไรไม่ได้ ตนก็จะทำหาให้
ขณะที่ นายจักรพงศ์ ซึ่งกลับมาอยู่กับพ่อและพี่สาว เปิดใจว่า รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาอยู่กับครอบครัว ตอนนี้เหมือนหลุดพ้นแล้ว เพราะที่ผ่านมาตนถูกบังคับให้ร้องเพลงหาเงิน แล้วต้องเอาเงินไปดูแลลูกติดของภรรยาด้วย ตนถูกทุบตี บางครั้งก็ถูกจับแก้ผ้าต่อหน้าคน ตอนนี้ตนอยากให้ภรรยามาเซ็นใบหย่าให้ด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3