กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง เผยแพร่คลิปวิดีโอจากกล้องวงปิดของอะพาร์ตเมนต์ ขณะที่หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินไปหาสามี แต่พอเดินไปถึงกลับถูกฝ่ายชายที่ยืนดักรออยู่ลงทำร้ายจนฝ่ายหญิงล้มลงไปกองกับพื้น แต่เมื่อลุกขึ้นมาสู้ก็กลับทำให้ฝ่ายชายโมโหหนักมากยิ่งขึ้น วิ่งไปกระทำซ้ำ ๆ โดยไม่ยั้ง โชคดีคนที่มากับฝ่ายชายเข้ามาช่วยห้ามเอาไว้

จากการตรวจสอบ ทราบว่าหญิงสาวรายนี้ ได้โพสต์ตั้งคำถามไว้บนเฟซบุ๊กว่า ทุกคนคิดว่า ผู้ชายคนดีมาก เเต่มาดูคริปนี้กัน ฝากคิดทบทวนใหม่ด้วยค่ะ เรื่องของเรื่องก่อนจะมีปัญหากัน มีปากเสียงกันเรื่องผู้หญิงก่อน เเล้วทางเราได้ลงมือ ทำร้ายเขาก่อน เเล้วสักพักผู้หญิงคนนั่น ได้ขับรถผ่านหน้าเรา ก็เลยวิ่งไปที่หอพักเพื่อจะไปเคลียร์ เเต่ผู้หญิงวิ่งขึ้นห้องไป เเล้วเราได้เดินออกมาหลังจากนั้น เขาก็คิดว่าเราจะไปทำร้ายผู้หญิง จะทำร้ายหรือไม่ทำมันเป็นสิทธิเมียหลวงหรือเปล่าค่ะ หลังจากนั้นก็ระบุไว้ในคลิปเลยค่ะ ตามในคลิปที่เห็นเลยค่ะ

ล่าสุดวันที่ 5 เม.ย.65 ทีมข่าว ตรวจสอบกล้องวงจรปิดภาพที่ 1 จะมี 2 มุม เห็นว่าน.ส.ไหม ผู้เสียหาย เดินเข้ามาที่หอพัก ตามคำบอกเล่าว่าจะไปหานางนุ่น หญิงสาวคนใหม่ เพื่อเคลียร์ปัญหาเรื่องผู้ชายคนเดียวกัน

ส่วนภาพที่ 2 จะมี 2 มุม เช่นเดียวกัน จะเห็นภาพ ขณะ น.ส.ไหม เดินออกจากหอพัก แล้วสามีกับเพื่อนก็ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอดดักรอที่หน้าทางเข้าหอพัก ซึ่งในภาพจะเห็นว่า น.ส.ไหม ที่ใส่เสื้อสีแดง เดินตรงไปหาสามี ที่ชื่อว่า นายเอ็ม พอไปถึงก็โดนสามีทั้งตบทั้งเตะและปาของใส่จนล้มลง พอลุกขึ้นมาสู้ ก็ทำให้สามีโมโหหนักขึ้น วิ่งไปกระชากหัวแล้วก็กระทืบซ้ำจนสลบอยู่บนพื้น ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เบื้องต้นศีรษะแตก เย็บ 6 เข็ม

จากการตรวจสอบทะเบียนสมรส น.ส.ไหม จดทะเบียนสมรส กับนายเอ็ม ในวันที่ 24 ก.ค. 63 ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น น.ส.ไหม ไปแจ้งความดำเนินคดีในวันที่ 27 มีนาคม 65 ที่ผ่านมา โดยต่อมาตำรวจได้พา น.ส.ไหม ไปทำข้อตกลงกันที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.สมุทรสาคร ในวันที่ 30 มีนาคม 65 โดยในบันทึกข้อตกลง ทั้งคู่ตกลงจะดีกัน ช่วยกันดูแลลูกทั้ง 2 คน และจะไม่ทำร้ายร่างกายกันอีก

ทั้งนี้ น.ส.ไหม กับนาย เอ็ม คบหากันมา 3 ปี มีลูกด้วยกัน 2 คน คนโตเป็นผู้หญิง อายุ 1 ปี 6 เดือน ส่วนคนเล็ก เป็นผู้ชาย อายุ 4 เดือน สำหรับนางนุ่น เริ่มคบหากับนายเอ็ม ขณะที่น.ส.ไหม ตั้งท้องลูกคนเล็ก และเริ่มแอบคบหากัน เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 64 ขณะนี้ น.ส.นุ่น ก็ตั้งครรภ์ได้ 4 เดือนแล้ว

ล่าสุดวันที่ 5 เม.ย.65 ทีมข่าวเดินทางไปยังหอพักดังกล่าว จึงได้พบกับ น.ส.ไหม อายุ 22 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ (27 มีนาคม 65) ตนถูกสามีซ้อมเพราะวันนั้นตนโทรศัพท์ไปเคลียร์กับนางนุ่น อายุ 24 ปี สาวคนใหม่ จึงนัดกันออกมาคุยที่ริมถนนข้างนอกหอพัก แต่นางนุ่น ขับรถผ่านไม่ยอมจอดคุย ตนก็เลยบุกเข้าไปหานางนุ่นที่หอพัก กระทั่งคุยกันเสร็จ ในจังหวะที่ตนจะเดินออกมาจากหอพัก สามีจอดรถดักรอแล้วก็ทำร้ายร่างกายตนดังที่ปรากฏในคลิป ตนยอมรับว่าตัวเองผิดที่บุกไปคุยกับนางนุ่น โดยไม่ได้บอกสามี

ที่ต้องนำคลิปไปเปิดเผย ก็เพราะว่าอยากจะให้คนที่รู้จักเข้าใจว่า สามีไม่ใช่คนที่ดีอย่างที่ทุกคนคิด ถามว่าถึงตอนนี้อยากได้สามีคืนหรือไม่ บอกตรง ๆ ว่าอยากได้คืน เนื่องจากลูกต้องมีพ่อ" น.ส.ไหม กล่าว ส่วนเหตุผลเป็นเรื่องรักสามเส้าจนทำให้เกิดเรื่อง เนื่องจากตนคบหากับสามีมา 3 ปี จดทะเบียนและมีลูกด้วยกัน 2 คน พอเข้ามาทำงานที่จังหวัดสมุทรสาคร สามีก็แอบไปมีนางนุ่น จนนางนุ่นตั้งท้องได้ 4 เดือน ซึ่งก่อนจะมีเรื่องในคลิป ตนพยายามพูดคุยกับสามีและนางนุ่น แต่พอพูดถึงก็จะโดนสามีทำร้ายมาโดยตลอด จนต้องไปแจ้งความและมีการไกล่เกลี่ยกัน ซึ่งตอนสามีไปพบตำรวจ ก็ได้รับปากกับตำรวจและตนว่า จะเลิกกับนางนุ่น และกลับมาช่วยทำมาหากินเลี้ยงลูก แต่ความเป็นจริง สามีไม่เคยมาดูดำดูดีตนเลย

เวลา 14.00 น. นายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ ทนายสำนักงานกฎหมายทนายชายพัฒน์ เดินทางมาช่วยเหลือเรื่องคดี ให้กับ น.ส.ไหม เนื่องจากน.ส.ไหม เคยติดต่อไปขอความช่วยเหลือ หลังจากถูกทำร้าย แล้วไม่ได้รับเงินค่าเลี้ยงดูลูก ตามที่นาย เอ็ม เคยทำข้อตกลงกันไว้

เมื่อทนายอนุสรณ์ เดินทางมาถึงก็ได้นั่งคุยกับ น.ส.ไหม ว่าตกลงแล้ว จะให้ช่วยเรื่องอะไรบ้าง น.ส.ไหม ก็ส่งข้อมูลให้กับทนาย แล้วก็แจงความประสงค์ว่า ต้องการให้ทนายช่วยนำหลักฐานกล้องวงจรปิดไปแจ้งความอีกครั้ง และยืนยันว่าจะดำเนินคดีกับสามีให้ถึงที่สุด หากไม่พานางนุ่น เมียน้อย มาคุยในวันนี้ โดยต่อมาทนายอนุสรณ์ และทีมงาน ก็พา น.ส.ไหม ไปที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อพบร้อยเวร ขอส่งหลักฐานเพิ่มเติม และได้โทรศัพท์ เชิญนายเอ็มกับนางนุ่น มาเคลียร์กับ น.ส.ไหม ที่โรงพัก โดยนายเอ็ม รับปากจะพานางนุ่น มาที่โรงพัก ในเวลา 17.00 น.

นายอนุสรณ์ อะสุระพงษ์ ทนายสำนักงานกฎหมายทนายชายพัฒน์ กล่าวว่า ที่ตนตัดสินใจมาเจอกับผู้เสียหายในวันนี้ สืบเนื่องจากผู้เสียหายได้ร้องเรียนไปยังเพจทนายพัฒน์ ให้มาช่วยเหลือเรื่องคดีท ซึ่งร้อยเวรแจ้งว่าคดีที่เกิดขึ้น ผู้เสียหายเคยมาแจ้งความแล้ว ในวันนี้ตนจึงนำกล้องวงจรปิดมาส่งให้ร้อยเวร เพื่อเป็นหลักฐานเพิ่มเติม หลังจากนี้ ตำรวจจะนัดกับนักจิตวิทยา เข้ามาสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ส่วนสามีและผู้หญิงคนใหม่ วันนี้ตนได้ให้ทีมงานติดต่อนัดมาเพื่อเจรจาแล้ว แต่ฝ่ายชายไม่สดวกอ้างว่าระหว่างเดินทางอาจจะไม่ปลอดภัย ส่วนเรื่องคดีในวันนี้ผู้เสียหาย ยืนยันจะเอาผิดสามีในคดีอาญาให้ถึงที่สุด และจะฟ้องสาวคนใหม่ในคดีแพ่ง เรียกค่าทนแทนค่าเลี้ยงดูบุตร ตนยืนยันจะดูแลคดีนี้ให้ผู้เสียหายจนจบคดี

เวลา 18.30 น. นายเอ็ม เปิดใจว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยอมรับว่าในวันนั้นนั่งดื่มสุราอยู่กับเพื่อน จู่ ๆ น.ส.ไหม ก็โทรศัพท์เข้ามาว่าจะขอเคลียร์กับนางนุ่น หากไม่ออกมาเจอจะเข้าไปหา ด้วยความที่ตนไม่อยากจะมีเรื่อง ก็เลยขี่รถจักรยานยนต์ไปเจอกับน.ส.ไหม ถนนก่อนถึงหอพัก และยืนคุยกันอยู่สักพัก นางนุ่นก็ขี่รถผ่านไป ทำให้น.ส.ไหม ถือหินและขวดเครื่องดื่มวิ่งตามนางนุ่น เข้าไปที่หอพัก

นอกจากนี้ นายเอ็ม กล่าวยืนยันว่า "ตอนที่ไปจีบนุ่น ก็บอกกับนุ่นนะ ว่าผมมีเมียและลูกอยู่แล้ว หากไหมกับครอบครัวฟังอยู่ ก็อยากจะขอโทษกับสิ่งที่ผมทำลงไป ผมยืนยันจะไม่กลับไปหาไหม แต่จะขออยู่กับนุ่นต่อไป ส่วนเรื่องลูกหลังจากนี้ก็จะพยายามหาเงินส่งให้ลูกโดยไม่ผิดนัด เรื่องคดีก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกฎหมาย ตอนนี้ยอมรับว่าเครียดมาก ๆ โดนไล่ออกจากงานเป็นที่เรียบร้อยครับ

นางนุ่น กล่าวยืนยันว่า การคบหากับนายเอ็ม เกิดจากไปทำงานแล้วเจอกัน ตนยืนยันว่าช่วงที่นายเอ็ม เข้ามาจีบ เขาไม่ได้บอกว่ามีครอบครัวแล้ว แต่มาสารภาพภายหลังว่ามีภรรยาและลูกติดอีก 2 คน ในตอนที่ตนตั้งครรภ์ได้เดือนกว่า ๆ ตนยอมรับว่าช็อกและทำอะไรไม่ถูก จึงปรึกษาทางบ้านก็บอกให้เด็กคลอดออกมาก่อน แล้วค่อยจัดการเรื่องของนายเอ็ม

ขณะเดียวกัน ในวันนี้ต่างฝ่ายก็ต่างงัดแชตหลักฐานออกมาแฉกัน ซึ่งแชตที่น.ส.ไหม ส่งมาจะเป็นแชตที่นางนุ่น คุยกับนายเอ็ม เรื่องของความสัมพันธ์ ส่วนนางนุ่น ก็ส่งแชตมาให้เช่นเดียวกัน ทำนองว่าถ้าไม่ยอมเลิกกับนายเอ็ม จะเอาให้ตายทั้งแม่ทั้งลูก นอกจากนี้ นางนุ่นยังแคปข้อความที่ น.ส.ไหม โพสต์ด่าและลงรูปที่ถ่ายคู่กับนายเอ็ม ประจานลงเฟซบุ๊ก

ขอบคุณ ทุบโต๊ะข่าวอัมรินทร์ทีวี