โบว์ ขอโทษยายวัย 81 หลังแอบเบิกเงิน 2.7 ล้าน ขอผ่อนจ่ายคืนใน 3 ปี
จากกรณี คุณยายเที่ยง ประชุมสาร อายุ 81 ปี ชาวอำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี อดีตพนักงาน ผลิตผ้าห่มไทยแห่งหนึ่งย่านบางเขน เดินทางเข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือ ทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา หลังขายที่ดินที่เป็นมรดกตกทอดจากพ่อแม่จำนวน 11 ไร่ 2 งาน 10 ตารางวา อำเภอพุทธบาท จ.สระบุรี ในราคา 2,700,000 บาท เมื่อวันที่ 20 ม.ค.2563 และได้เรียก น.ส.รสสุคนธ์ หรือ โบว์ ซึ่งรู้จักกันและเคยเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กให้มาทำธุรกรรมในการขายที่ดิน และช่วยนำเงินจำนวนดังกล่าวไปฝากธนาคาร
ซึ่งน.ส.โบว์ ได้พายายเที่ยงไปเปิดบัญชี คือ 1.ธนาคาร TMB สาขาพระพุทธบาท ชื่อบัญชี คุณยายเที่ยง ประชุมสาร จำนวนเงิน 2,200,000 บาท และเปิดบัญชีธนาคารออมสินสาขาพระพุทธบาทชื่อคุณยายเที่ยง ประชุมสาร จำนวนเงิน 500,000 บาท หลังจากนั้นปรากฎว่า น.ส.โบว์ ได้สมัครแอปฯ โมบายแบงกิ้ง กับบัญชีทั้งสอง แล้วทำการถอนเงินออกจากบัญชีธนาคาร TMB จำนวน 2195,000 บาท และทำการถอนเงินออกจากบัญชีธนาคารออมสิน จำนวน 500,000 บาท
โดยยายเที่ยงไม่ทราบว่ายอดเงินถูกเบิกจนหมด นอนกอดสมุดบัญชีว่างเปล่ามานานกว่า 2 ปี ยายเที่ยงได้สอบถาม น.ส.โบว์ยอมรับว่า เป็นผู้ถอนเงินออกไปจากบัญชีจริง และจะทยอยคืนเงินให้ แต่ก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา จึงได้มาร้องทุกข์กับทนายโป้งเพื่อให้ช่วยเหลืออยากได้เงินคืน เหตุเกิดหมู่บ้านป่าแหน ม.10 ต.หนองโดน อ.หนองโดน จ.สระบุรี
ล่าสุด 22 มี.ค.65 เวลา 18.00 น. ที่สำนักงานทนายความชมรมจิตอาสา ต.เสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา พร้อมด้วยคุณยายเที่ยง ประชุมสาร อายุ 81 ปี และ น.ส.รสสุคนธ์ หรือ โบว์ ได้นัดเจรจาพูดคุยกันเพื่อจะผ่อนชำระเงิน ที่ทาง น.ส.โบว์ แอบเบิกเงินของคุณยายเที่ยงที่ขายที่ดินได้ผ่านแอปฯ ทั้งหมด 3 บัญชี ไปเป็นจำนวนเงิน 2700,000 บาท จนหมดบัญชี
โดยมีการเจรจาพูดคุยกันนานกว่า 2 ชั่วโมง ผลสรุปว่าทาง น.ส.โบว์ จะชดใช้เงินเต็มจำนวนคือ 2.7 ล้านบาท โดยขอผ่อนจ่าย 4 เดือนแรกเดือนละ 5 หมื่นบาท โดยเริ่มจ่ายตั้งแต่สิ้นเดือน เม.ย.65 จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม รวมเป็นเงิน 2 แสนบาท ส่วนที่เหลืออีก 2 ล้าน 5 แสนบาท จะผ่อนจ่ายให้ครบภายใน 3 ปี ถ้าไม่ทำตามข้อตกลงยายเที่ยงสามารถแจ้งความดำเนินคดีได้ทันที หลังการเจรจาตกลงกันทางทนายโป้งได้พาคุณยายเที่ยง ประชุมสาร อายุ 81 ปี และ น.ส.รสสุคนธ์ หรือ โบว์ เดินทางไปลงบันทึกประจำวันต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ชัยพฤกษ์เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐาน
น.ส.โบว์ เล่าว่ายายขายที่ประมาณ 2.7ล้าน ได้บอกว่าจะแบ่งเงินให้ตนจำนวน 1.5 ล้านบาท ตอนไปทำธุรกรรมทางการเงินก็ไปด้วยกันตลอดซึ่งยายเที่ยงรับรู้ทุกครั้ง และยายก็แบ่งเก็บไว้ในธนาคาร ส่วนเงินที่แบ่งให้ตนเพราะว่ายายเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กและจะให้เงินตนไปซื้อบ้าน ซึ่งตนก็มีหนี้สินในส่วนที่ให้มาก็จะเอามาใช้หนี้ เวลาตนจะขอเงินยายจะโทรหาและตนจะไปรับเพื่อให้ยายเบิกให้ตนเบิกเองไม่ได้ต้องให้ยายเซ็นชื่อเบิกเงิน
ต่อมาเพื่อความสะดวกในการเบิกเงินตนได้ทำแอปในโทรศัพท์มือถือจึงเอาโทรศัพท์ตนในการติดตั้งแอปธนาคาร ยายก็ตกลงเพราะว่าจะสะดวกในการกดหรือโอนเงินเพราะตนยอมรับว่าขอเงินยายบ่อยครั้งและไม่สะดวกไปเบิกที่ธนาคาร ปีที่แล้วยายมีปัญหาเรื่องที่อยู่เก่าตนจึงรับยายมาอยู่กับตนที่บ้านพ่อ ส่วนเงินที่เอามาคือตนนำมาใช้หนี้ ลงทุน จะเอาเงินตรงนี้มาหมุนใช้ เพราะยายก็รับทราบดี
ซึ่งตอนแรกยายไม่อยากให้พี่น้องยายรู้ว่าเงินไม่เหลือในบัญชีแล้ว เพราะให้ตนมา ตนก็คอยปิดบังมาตลอด ตนจึงบอกให้ยายบอกทางบ้านไปว่าตนเอาเงินมาแล้ว ตอนนี้ตนก็จะผ่อนจ่ายให้ในส่วนที่ตนเอาเงินมาคือ 2.7 ล้าน ซึ่งยายก็รู้ว่าตนเอาเงินมาใช้ และให้ตนเก็บสมุดบัญชีธนาคารไว้ ซึ่งหลังๆทำแอปมาตนจะใช้เงินก็จะโทรบอกยายตลอด และยายก็ไม่ได้ไปอัปเดตสมุดเลย ตนจึงมีการคุยกันกับทางญาติยายมาโดยตลอดว่าตนเบิกเงินมาใช้