ส.ส.เต้ ยืนยัน เป็นแตงโม ไม่ใช่ขอนไม้

ส.ส.เต้ ยืนยัน เป็นแตงโม ไม่ใช่ขอนไม้

จากกรณี นายวินิต ตรีปัญญา หรือลุงนิด วัย 53 ปี คนพายเรือหาปลาในคลิป เปิดเผยว่า วันที่ 24 ก.พ. 65 ตนออกหาปลาด้วยเรือแจว ตั้งแต่เวลาประมาณ 20.00 น. กว่าเป็นประจำทุกวัน และกลับมาประมาณ 01.00-02.00 น. วันนั้นตนพายเรือไปเรื่อย ๆ ไม่ได้ยินเสียงใด ๆ เกี่ยวกับคนตกน้ำ ยืนยันว่าตนไม่รู้จักกับนายปอหรือคนอื่นบนเรือ และไม่ได้รับเงินจากคนเหล่านั้นด้วย

ส่วนวัตถุที่พบใกล้เรือนั้นไม่ใช่คน ช่วงนั้นตนใช้อุปกรณ์ตาข่ายดักปลา ก้อนโฟม และกระป๋อง ตนล่องไปตามน้ำและหยุดใกล้วัตถุท่อนไม้ยาวประมาณเกือบ 1 เมตร เพราะกลัวจะมาติดกับตาข่ายของตน ยืนยันว่าเป็นตอไม้ ไม่ใช่คน ถ้าเป็นคนแล้วตนไม่ช่วย ตนก็ไม่ใช่คนแล้ว

ตนมองว่าถ้าตอไม้ที่ตนเห็นเป็นคนจริง ๆ หรือเป็นแตงโม ก็คงจะต้องคว้าตาข่ายของตนเพื่อขอความช่วยเหลือแล้ว ทำให้เรือตนต้องสั่นหรือชะงัก แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ตอนนี้ตนไม่กังวลใด ๆ และยังไม่มีตำรวจเรียกเข้าไปให้ข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งตนพร้อมให้ปากคำอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ตนได้ยินเสียงผู้หญิงคุยกันเสียงดังโวยวายคล้ายเมา ช่วงที่เรือสปีดโบ๊ทของปอผ่าน ซึ่งช่วงหลัง 22.00 น. พบว่าเรือวนมา 2-3 รอบ คล้ายวนหาของ ส่วนตนอยู่บริเวณนั้นเกือบเที่ยงคืนจนกระทั่งรุ่งเช้าของอีกวันถึงจะทราบข่าวว่าเป็นดาราสาว แตงโม ตกน้ำจากเรือลำดังกล่าว

ส่วนเรื่องที่ ส.ส.เต้ พบคราบเลือดที่ประตูระบายน้ำนั้น ตนเห็นว่ามักจะมีคนนำปลาไปตีปริเวณนั้นบ่อย ตนเองก็คนนำปลาไปทุบเพื่อทำอาหาร คิดว่าไม่ใช่เลือดของคน เพราะหากมีการทำร้ายคนต้องมีคนได้ยินเสียงร้อง เพราะมีคนเฝ้าประตูระบายน้ำ และมีบ้านของชาวบ้านแถวนั้นด้วย นอกจากนี้ตนรู้สึกเสียใจที่ตนไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย แต่กลับถูกนำไปโยงว่าไม่ยอมช่วยเหลือแตงโม

นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า นำคลิปจากกล้องวงจรปิดที่ได้แถลงข่าวไปเมื่อวานมาให้พนักงานสอบสวน ซึ่งเป็นคลิปในช่วงที่ตนทราบมาว่าตำรวจยังไม่มี ดังนั้นในฐานะพลเมืองดี จึงมามอบให้เพื่อดูว่าจะเป็นประโยชน์กับรูปคดีได้หรือไม่ ยืนยันเชื่อมั่นในหลักฐานกล้องวงจรปิด

เพราะถึงแม้คลิปวิดีโอจะพูดไม่ได้ แต่สามารถบอกได้ทั้งภาพ เสียง เวลาและสภาพแวดล้อม แตกต่างจากพยานบุคคลที่สามารถเปลี่ยนคำให้การได้ตลอด เพราะมีปัจจัยต่างๆ เข้ามาแทรกแซง เช่น เรื่องความกลัวและเรื่องของการได้รับสินจ้าง

นายมงคลกิตติ์ กล่าวอีกว่า ตนมั่นใจในข้อสันนิษฐานของตัวเองว่าสิ่งที่เห็นในคลิปคือ แตงโม เพราะสามารถลอยทวนน้ำได้และจุดนี้เป็นจุดเดียวกับที่พบแตงโม อีกทั้งในภาพจะเห็นว่าเรือลำเกิดเหตุเพิ่งขับผ่านไป และเห็นวัตถุนี้โผล่ขึ้นมาหลังจากนั้นพอดี อีกทั้งผลทางนิติเวชบอกว่าแตงโมจมน้ำตื้น และตรงจุดนี้ก็เป็นน้ำตื้นริมตลิ่ง ซึ่งตอนแรกตนก็ไม่เชื่อ แต่มีตำรวจนายหนึ่งเป็นคนมาบอกเบาะแสกับตนเองว่าให้ไปตรวจสอบตรงจุดนี้

ส่วนกรณีที่ลุงคนหาปลาบอกว่าได้รับความเสียหายจากสิ่งที่ตนพูดไป ต้องดูกันที่ข้อเท็จจริงและให้พนักงานสอบสวนเป็นผู้ตัดสิน การที่คนหาปลายืนยันว่าเป็นขอนไม้นั้น ตนมองว่าการที่เป็นพยานบุคคล ใครก็มีความกลัวได้ เนื่องจากเป็นคดีใหญ่ ดังนั้นคนหาปลาอาจกลัวที่จะถูกต่อว่าทำไมถึงไม่ช่วย จึงบอกว่าเป็นขอนไม้ แต่หากกรณีที่วัตถุในคลิปเป็นขอนไม้จริงๆ ตนก็ยังเชื่อว่าขอนไม้ที่ลอยทวนน้ำได้ จะต้องมีมือคนมาเกาะเกี่ยวเอาไว้ และพยายามจะให้ใครสักคนช่วย เพราะตอนตนเป็นเด็กก็เคยล่องแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเกาะลูกมะพร้าวเพียงลูกเดียว

ยืนยันว่าตนไม่ได้สร้างประเด็นไปเรื่อยเปื่อย หรือปรักปรำใคร ทั้งหมดนี้เป็นข้อสันนิษฐานตามสิ่งที่ตนมองเห็น และสาเหตุที่ตนมั่นใจ เพราะหากไม่มั่นใจในสิ่งที่ทำ จะทำไปทำไม และหากใครที่อยากจะฟ้องร้องตน ก็ฟ้องเลย สุดท้ายหากมีการพิสูจน์แล้วว่าวัตถุในคลิปเป็นขอนไม้จริง ตนก็ไม่ได้เสียหน้าอะไร เพราะคลิปนี้ถือเป็นพยานหลักฐานที่ได้จากราชการ ซึ่งใครก็มีสิทธิ์ตั้งข้อสันนิษฐานได้

ส่วนกรณีที่คุณแม่ของแตงโมบอกว่าไม่เชื่อพยานหลักฐานชิ้นนี้ ก็ถือเป็นดุลพินิจของแม่ แต่ตนอยากบอกว่า การที่สังคมต้องเสียเวลากับคดีนี้ เราต้องการจะให้มันรวดเร็วแบบลวกๆ หรือต้องการให้ใช้เวลาแต่มีพยานหลักฐานที่ครบถ้วนมากกว่า ส่วนที่คุณแม่บอกต่อว่า

ไม่อยากให้ยุ่งกับพยานหลักฐาน ตนมองว่าที่ทำไม่ใช่เพราะคือคดีแตงโม ดาราดัง แต่ทำเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานทางสังคมว่าคดีนี้ต้องได้รับความยุติธรรม ไม่อยากให้มองว่าคนจนติด คนรวยรอด

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ที่ตนยังไม่ได้ส่งหลักฐานใดๆ ให้กับตำรวจ เป็นเพราะตนกำลังรวบรวมและส่งให้ผู้เชี่ยวชาญ คือ โปรดิวเซอร์ยุง ทำให้ภาพชัดเจนก่อน ตนจะส่งหลักฐานให้ตำรวจแบบลวกๆ ไม่ได้

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ