ราคาทองคำ อาจสูงสุดขึ้นถึง 35,000
นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก กล่าวว่า ราคาซื้อขายทองคำโลก (gold spot) ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 6-7% หรือเพิ่มขึ้นราว 130 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งแนวโน้มราคายังไปต่อ เพราะสงครามน่าจะยืดเยื้อ โดยโกลเบล็กมองแนวต้านที่ระดับสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้คือ 2,074 ดอลลาร์ โดยพบว่ากองทุนทองคำ SPDR มีการเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีมา ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำช่วงนี้
อย่างไรก็ตาม ปีนี้ราคาทองแท่งในประเทศจะสูงกว่า ตอนที่ราคาทองโลกทำนิวไฮครั้งก่อน เนื่องจากขณะนี้เงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่ระดับ 33.14 บาทต่อดอลลาร์ ส่งผลให้ปัจจุบันราคาทองแท่งในประเทศอยู่ที่ราว 31,000 บาท ขณะที่ราคาทองโลกอยู่ที่ระดับใกล้ ๆ 2,000 ดอลลาร์ เทียบกับปี 2563 ที่ราคาทองโลกทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 2,074 เหรียญ แต่ขณะนั้นค่าเงินบาทอยู่ที่ 31.2 บาทต่อดอลลาร์ และราคาทองแท่งในประเทศอยู่ที่ 30,300 บาท จึงทำให้ขณะนี้ราคาทองในประเทศเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าตอนที่ทองโลกทำจุดสูงสุด
ลูกค้าแห่เปิดบัญชีเทรดทอง
นายธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า จากสถานการณ์ในยูเครน ดันราคาทองคำต่างประเทศปรับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับเงินบาทที่อ่อนค่าอย่างรวดเร็ว ยิ่งดันให้ราคาทองคำในประเทศปรับตัวขึ้นไปมากกว่า (all time high) ซึ่งนักลงทุนที่เคยเข้าซื้อสะสม จะเริ่มมาขายทองคำ ทั้งตามหน้าร้านและช่องทางออนไลน์ เนื่องจากมองว่าราคาทองคำช่วงนี้ปรับขึ้นมากจนได้กำไรเป็นที่น่าพอใจ
ขณะที่ยอดการเปิดบัญชีก็เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเปิดบัญชีซื้อขายออนไลน์ เนื่องจากมีความสะดวกสบายมากขึ้น การเปิดบัญชีซื้อขายออนไลน์ได้รับความนิยมมาพอสมควร ก่อนที่จะมีเหตุการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน และตอนนี้ก็ยิ่งได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเพิ่มโอกาสจังหวะการลงทุนในการเข้าออกที่มากขึ้นต่อราคาทองคำที่ผันผวนได้ตลอดเวลา” นายธนรัชต์กล่าว วิกฤตยูเครน “ทองคำลุ้นนิวไฮ
นายธนรัชต์กล่าวว่า สำหรับแนวโน้มระยะต่อไป มองว่าเบื้องต้นสถานการณ์ภาพรวมในความตึงเครียดใน ยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ โดยสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำก็ยังคงคาดว่า ระยะสั้นราคาทองคำเคลื่อนไหว sideways up อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำมีแนวโน้มผันผวนตามสถานการณ์ในยูเครน ซึ่งหากการเจรจารอบ 3 ระหว่างรัสเซียและยูเครนคลี่คลาย ก็จะส่งผลให้ทองคำปรับตัวลงแรง แต่คาดว่าอาจจะไม่จบในระยะอันใกล้นี้
หากสถานการณ์รุนแรงขึ้น ราคาทองคำจะสามารถทะลุ 2,000 ดอลลาร์ต่อไป และมีโอกาสที่ราคาทองคำจะกลับไปที่จุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ 2,074 ดอลลาร์ในปี 2563 และหากยังคงยืดเยื้อต่อก็มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นทะลุจุดสูงสุดเดิมดังกล่าว สร้าง new high ใหม่ได้ เฟดขึ้น ดบ. จับจังหวะลงทุนทอง
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังคงมีแรงกดดันจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งหากสถานการณ์ความตึงเครียดในยูเครนยังไม่จบ ช่วงแรกของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด อาจทำให้เผชิญกับแรงเทขายออกมาบ้าง แต่ก็จะไม่มากนัก ดังนั้นการเก็งกำไรในทองคำ หากราคาอ่อนตัวลง ยังแนะนำกลับเข้าซื้อ
โดยมีแนวรับสำหรับกลับเข้าซื้ออยู่ที่บริเวณ 1,960-1,970 ดอลลาร์ และมีจุดขายตัดขาดทุนอยู่ที่ 1,950 ดอลลาร์ ส่วนแนวต้านบริเวณ 2,000 ดอลลาร์ หากผ่านขึ้นไปได้ คาดว่าราคาทองจะมีโอกาสไปยังบริเวณ 2,074 ดอลลาร์
สำหรับราคาทองคำแท่งในประเทศ อาจปรับตัวได้มากกว่าราคาทองโลก เนื่องจากได้ปัจจัยบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่าลง โดยสามารถเข้าซื้อทองคำเมื่อราคาทองคำบริเวณ 29,700 บาท โดยราคาทองคำแท่งมีแนวรับ 30,000 บาท และ 29,700 บาท ขณะที่มีแนวต้าน 31,500 บาท” นายธนรัชต์กล่าว
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำจะเห็นคนทยอยนำทองคำออกมาขายกันมากขึ้น โดยนับตั้งแต่ตรุษจีนเป็นต้นมา ราคาทองคำในประเทศปรับขึ้นแล้วกว่า 2,300 บาท ทำให้มีคนมารอคิวขายทองมากขึ้น แต่ก็แถวไม่ยาวเหมือนรอบก่อนที่ทองทำราคาสูงสุด (นิวไฮ) ช่วงปี 2563
คนมาขายทองมากขึ้น ทั้งระบบต่อวันก็อาจจะเป็นมูลค่าหลักพันล้านบาท แต่ก็ไม่มากเหมือนรอบก่อน เพราะคนที่มีทอง พอขายไปก็มีทองในมือน้อยลง เพราะทิศทางราคาทองขึ้นมาแล้วไม่ลงด้วย ถ้าราคาลงคนก็อาจจะซื้อกลับได้ แต่นี่ขึ้นมาเรื่อย ๆ คนก็เลยซื้อกลับได้ไม่มาก นายจิตติกล่าว
วส
เทรนด์ราคาช่วงนี้คนก็ดูสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนอย่างเดียว ถ้าเหตุการณ์รุนแรงขึ้นมาราคาทองก็อาจจะขึ้นอีก ยิ่งถ้าบานปลายก็คงขึ้นไปได้อีกมาก แต่ถ้ามีการเจรจายุติกันได้ราคาทองก็คงจะตกลงมา สถานการณ์แบบนี้วิเคราะห์ยาก ซึ่งถ้าถึงขนาดบานปลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ราคาทองก็อาจจะไปถึง 35,000 บาทก็ได้ นายจิตติกล่าว