ด่วน อนุมัติแล้ว วันเงินเข้าคนละครึ่งเฟส 4 ไปใช้กันได้เลย
วันที่ 15 ม.ค.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห่วงใยประชาชนทุกกลุ่มทุกสาขาอาชีพ สั่งเร่งบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพของประชาชน จากสถานการณ์แพร่cv-19 สายพันธุ์โอมิครอนที่ยังส่งผลกระทบกับภาพรวมเศรษฐกิจไทย มอบหมายกระทรวงการคลังเร่งรัดโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 ให้เร็วขึ้นจากเดิมที่ได้กำหนดระยะเวลาการออกมาตรการไว้ประมาณช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน 2565
ความคืบหน้า โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังเผยถึงกระแสข่าวว่า จะให้ประชาชนกลุ่มเก่าที่เคยได้รับสิทธิกดยืนยันสิทธิ และให้ประชาชนกลุ่มใหม่จำนวน 5 ล้านคนลงทะเบียนเข้าร่วมจะมีการเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ในวันที่ 16 มกราคม 2565 นี้ กระทรวงการคลังได้ออกมาชี้แจงแล้วว่า ไม่เป็นความจริง ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ
ทั้งนี้ ความคืบหน้าโครงการคนละครึ่งเฟส 4 หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2564 เห็นชอบโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพและกระตุ้นกำลังซื้อประชาชน
ล่าสุด กระทรวงการคลัง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง หรือ สศค. ได้นำเสนอเรื่องดังกล่าว ให้แก่คณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว
แต่อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดการดำเนินโครงการ เช่น จำนวนสิทธิที่จะเข้าร่วมโครงการ วันแรกที่จะเปิดรับลงทะเบียน ซึ่งเบื้องต้นจะสามารถเปิดลงทะเบียนวันที่ 14 ก.พ. 65 และเริ่มใช้จ่ายได้ในวันที่ 21 ก.พ. 65
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับเงื่อนไข และรายละเอียดว่าจะได้รับตัววงเงินสิทธิ์เท่าใดนั้น ต้องให้คณะกรรมการกลั่นกรองเคาะอนุมัติวงเงินก่อน จากนั้นก็จะจัดทำแนวทางแล้วนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง แล้วจึงสามารถเปิดลงทะเบียนคนละครึ่งเฟส 4 ให้กับพี่น้องประชาชนได้ต่อไป ทั้งนี้ วงเงินที่จะนำมาใช้จ่ายในโครงการคนละครึ่ง เฟส 4 จะนำมาจาก พ.ร.ก.เงินกู้ฉุกเฉิน 5 แสนล้านบาท ที่ถูกจัดไว้เพื่อใช้ในการดูแลเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากcv-19 และก่อนหน้านี้ โครงการคนละครึ่ง เฟส 3 ยังมียอดใช้จ่ายไม่เต็มจำนวน โดยเหลือวงเงินที่ส่งคืนรัฐอีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการคนละครึ่งเฟส 4 นี้ ครอบคลุมกลุ่มคนที่มีแอปเป๋าตังค์และผู้ที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการใหม่ รวมทั้งโครงการอื่นที่ดูแลกลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษควบคู่ไปพร้อมกัน
โดยจะมีส่วนในการลดภาระของประชาชน ช่วยกระตุ้นให้เกิดการบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว