คลังเตรียมลุยเพิ่มภาษีความเค็ม ต่อจากภาษีความหวาน

คลังเตรียมลุยเพิ่มภาษีความเค็ม ต่อจากภาษีความหวาน

วันที่ 22 ธ.ค. 64 ที่ผ่านมา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงานสัมมนาออนไลน์ ยุทธศาสตร์สรรพสามิต ภารกิจขับเคลื่อนเศรษฐกิจ NEXT NORMAL ว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจได้รับผลกระทบจาก CV - 19 รัฐบาลได้มีการใช้มาตรการทางการคลังเพื่อช่วยเหลือ เยียวยา บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนและภาคธุรกิจ รวมถึงฟื้นฟูเศรษฐกิจผ่านการกู้เงิน วงเงินรวมกว่า 1.5 ล้านล้านบาท

ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งกลับมาพิจารณาเกี่ยวกับแนวทางการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ ส่วนหนึ่งเพื่อนำมาชำระหนี้เงินกู้ที่นำมาใช้จ่ายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยมาตรการหนึ่ง คือการลดหย่อนภาษี ซึ่งช่วยให้ภาคธุรกิจมีสภาพคล่องมากขึ้น

ขณะเดียวกันรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง เร่งพิจารณาแนวทางการปฏิรูปโครงสร้างภาษี เพื่อสนับสนุนการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่าน 3 แนวทางหลัก คือ

1. การดึงเทคโนโลยีมาใช้ในการดำเนินงาน โดยล่าสุดมีบริการใหม่ Digital Supply Chain Finance ที่จะเข้ามาช่วยในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการให้สามารถเชื่อมต่อกับผู้ซื้อรายใหญ่ และระบบสถาบันการเงินทั้งหมด รวมถึงระบบภาษีต่าง ๆ จะมีส่วนส่งเสริมให้มีการใช้ดิจิทัลให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าและบริการของภาคเอกชน

2. การเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศ เรื่องนี้ระบบภาษีจะเข้ามาช่วยทั้งการส่งเสริมและไม่ส่งเสริม โดยในส่วนของการส่งเสริม คือการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในภาคการขนส่ง อุตสาหกรรมและบริการ ขณะเดียวกันต้องไม่ส่งเสริมผู้ใช้พลังงานสิ้นเปลือง เปลี่ยนระบบรถยนต์ที่ใช้น้ำมันมาใช้ไฟฟ้าแทน

3. การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันที่สำคัญสำหรับคนไทย ส่วนหนึ่งดำเนินการผ่านมาตรการภาษีสรรพสามิตไปแล้ว คือ ภาษีความหวาน และสิ่งที่จะตามมาในอนาคต คือ การจัดเก็บภาษีความเค็ม เนื่องจากพบว่าอัตราการบริโภคโซเดียมของคนไทยค่อนข้างสูง

ซึ่งนายอาคม กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดเก็บภาษีจากความเค็มนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการศึกษาของกรมสรรพสามิต ซึ่งถือเป็นแนวทางหนึ่งในการป้องกันสำหรับคนไทย

โดยที่ผ่านมา กรมสรรพสามิตได้มีการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ปี 2564 - 2568 เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนิน มาตรการด้านภาษีและเสริมสร้าง ขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ภายใต้บริบทการขับเคลื่อนเศรษฐกิจผ่านโมเดล BCG ซึ่งส่วนหนึ่ง คือ การปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์และส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างยั่งยืน

คาดหวังว่าปี 2565 ทุกคนคงไม่อยากเห็นภาพเศรษฐกิจที่ซบเซา ทุกคนมองถึงโอกาสที่ดี และในทุกวิกฤติมีโอกาสเสมอ ดังนั้นประเทศไทยต้องก้าวตามให้ทันเทคโนโลยี ซึ่งกรมสรรพสามิตมีบทบาททั้งการส่งเสริมและไม่ส่งเสริมบางเรื่องที่ไม่เป็นประโยชน์ กับสังคมและสุขภาพประชาชน

เรียบเรียง siamnews

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ