คดีพลิก กำแพงสูงท่วมมิดหลังคา ล่าสุดมีพิรุธ เรียกคุยทีละครอบครัว
ความคืบหน้ากรณีชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากการที่เจ้าของที่ดินแปลงข้างเคียงถมที่พร้อมสร้างกำแพงสูงมิดหลังคาบ้าน รวม 8 หลังโดยบ้านทั้ง 11 หลัง สร้างอยู่ฝั่งซ้ายมือภายในซอยร้านอาหารครัวภักดี ท้องที่หมู่ 1 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรีสำหรับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนทั้ง 11 ครัวเรือน ประกอบด้วย
ครอบครัว นายสมชาย หนองรั้ง เลขที่ 190/74 ครอบครัว น.ส.มธุรส คุ้มประสิทธิ์ เลขที่ 190/98 ครอบครัวนายจตุรงค์ ภิรมยา เลขที่ 190/101 ครอบครัวนางนภิศรา ทองอุปการ เลขที่ 190/95 ครอบครัวนางอิศรานันท์ เขียวสาคร เลขที่ 190/100 ครอบครัวน.ส.ฉลวย สัมฤทธิสุทธิ์ เลขที่ 190/83 ครอบครัวนายปราโมท รุ่งหิรัญ เลขที่ 190/82ครอบครัวนายวชิระ ประกอบ เลขที่ 190/97 ครอบครัวนางวันทนา สังข์สุข เลขที่ 190/73 ครอบครัว น.ส.บุษบา ทองอุปการ เลขที่ 190/84 และครอบครัวนายประสิทธิ์ สถิตพรพรหม เลขที่ 190/76
โดยเมื่อวันที่ 4 พ.ย.64 นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้มอบหมายให้ ร.ต.พงศธร ศิริสาคร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ลงพื้นที่เก็บข้อมูลเพื่อสรุปประเด็นข้อกฎหมายในการนำเข้าที่ประชุมระดับจังหวัดในวันที่ (5 พ.ย.) ที่ศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี
ทั้งนี้ น.ส.มธุรส คุ้มประสิทธิ์ อาจารย์สาขาวิชาภาษาไทย คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี เจ้าของบ้านเลขที่ 190/98 ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า วันนี้ชาวบ้านได้ขอเพิ่มวาระเข้าไปในที่ประชุมเนื่องจากวันนี้ไม่มีวาระการขุดดินที่ไม่เป็นไปตามกำหนดระยะเวลา ซึ่งชาวบ้านเองไม่ได้มีความกังวลเรื่องของระยะเวลาหากดำเนินการไม่ทันตามกรอบเวลา 15 วันที่กำหนดเอาไว้ก็ไม่เป็นอะไร หรือจะต้องใช้เวลานานถึง 6 เดือนหรือ 1 ปีเราก็ไม่ว่าอะไร
ซึ่งขณะระดับความสูงของดินยังอยู่ระยะเสมอกับหลังคาบ้านอยู่ ที่ผ่านมาเจ้าของได้มีการนำเครื่องจักรมาขุดดินออกแต่ก็หยุดดำเนินการไปนายแล้ว ซึ่งทางเทศบาลตำบลลาดหญ้าแจ้งว่าต้องการวิศวกรจากจังหวัดเข้ามาคุมงานขุดดิน แต่ทางจังหวัดก็ยังยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของนายกเทศมนตรีตำลาดหญ้า ที่จะต้องไปหาวิศวกรมาคุมงานเอง
โดยในวันดังกล่าวสรุปแนวทางการแก้ไขปัญหา ดังนี้
1 จังหวัดกาญจนบุรีมอบหมายให้เทศบาลตำบลลาดหญ้าแจ้งเจ้าของที่ดินดำเนินการขุดดินออกจากกำแพงดิน โดยให้เคลื่อนย้ายดินให้ห่างจากกำแพงกันดิน4.5 เมตร ภายใน 15 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.64
2.จังหวัดกาญจนบุรีมอบหมายให้เทศบาลตำบลลาดหญ้า ในฐานะเจ้าพนักงานท้องถิ่นดำเนินการออกคำสั่งให้มีการถอนรั้วออก ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ภายใน 15 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พ.ย.64 และ
3.จังหวัดกาญจนบุรีมอบหมายโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายบ้านเรือนของประชาชนทั้ง 11 ครัวเรือน ว่าบ้านแต่ละหลังได้รับความเสียหายบริเวณจุดใดบ้าง เพื่อจะได้เสนอค่าความเสียหายให้เจ้าของที่ดินเป็นผู้รับผิดชอบในการออกค่าใช้จ่ายให้
ความคืบหน้าล่าสุดวันนี้ 14 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าว รายงานว่า ที่ห้องประชุมเทศบาลตำบลลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี นายปรัชญา ชัยวรานุรักษ์ ยุติธรรมจังหวัดกาญจนบุรี ได้นัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างชาวบ้านทั้ง 11 ครัวเรือน กับนางศิริพร เชียวสุรัตน์ เจ้าของที่แปลงข้างเคียงที่ถมดินและสร้างกำแพงสูงมิดหลังคาบ้านจนเป็นเหตุทำให้เกิดข้อพิพาทกันขึ้นของทั้งสองฝ่าย โดยการไกล่เกลี่ยครั้งนี้มีนายวรากร เสือส่าน นายกเทศมนตรีตำบลลาดหญ้า รวมทั้งเจ้าหน้าที่ยุติธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดกาญจนบุรี เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองกาญจนบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมไกล่เกลี่ย
แต่อย่างไรก็ตามขั้นตอนการไกล่เกลี่ยในครั้งนี้นั้น สร้างความมึนงงกับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก เนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดไกล่เกลี่ยได้ออกมาชี้แจ้งเพื่อทำความเข้าใจกับชาวบ้านโดยอธิบายว่า ห้ามผู้ใดถ่ายภาพรวมทั้งอัดเสียงโดยเด็ดขาด อีกทั้งการไกล่เกลี่ยขอให้ชาวบ้านเข้าไปภายในห้องประชุมได้ครั้งละ 1 ครอบครัว ส่วนคู่พิพาทคือเจ้าของที่ดินก็ไม่ได้เดินทางมาด้วย จึงทำให้ชาวบ้านเกิดความสงสัย และเกิดการโต้เถียงกันขึ้นเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็สามารถตกลงกันได้ โดยการไกล่เกลี่ยในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปเก็บภาพและไม่ให้เข้าร่วมรับฟังอีกด้วย โดยใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งจึงแล้วเสร็จ ที่สำคัญเมื่อประชุมเสร็จ ไม่มีหน่วยงานใดให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเลยแม้แต่หน่วยงานเดียว
เพราะฉะนั้นวันนี้เรื่องการขุดดินจึงคุยกันไม่รู้เรื่องเนื่องจากชาวบ้านเองได้ถามทางจังหวัดไปว่าจะสามารถหาวิศวกรมาความคุมงานได้หรือไม่ แต่ทางจังหวัดได้ตอบกลับมาว่าเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของเทศบาลฯดังนั้นวันนี้ชาวบ้านจึงยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะมีการมาขุดดินออกไปให้ห่างจากกำแพงอีกหรือไม่ ที่สำคัญช่วงปีใหม่นี้จะไม่มีใครอยู่บ้านเพราะต้องกลับไปบ้านที่ต่างจังหวัด
และหากคนงานมาทำการขุดดินก็สามารถมองเห็นหรือเดินข้ามเข้ามาภายในบ้านของพวกเราได้โดยสะดวก ทุกคนจึงไม่ทราบว่าจะมีความปลอดภัยเกี่ยวกับทรัพย์ที่มีอยู่ภายในบ้านหรือไม่ เพราะทางนายกเทศมนตรีตำบลลาดหญ้าไม่ได้รับปากอะไร และขณะกำลังพูดคุยอยู่ๆก็เดินออกมาโดยทิ้งพวกเราเอาไว้ที่ห้องประชุม
อีกหนึ่งประเด็นคือ เราได้ถ่ายภาพนิ่งและวีดีโอเอาไว้ทั้งหมดคือ เจ้าของได้มีการขุดดินออกไปแล้วประมาณ 1-1.5 เมตร พบว่าสเตย์กำแพงกันดินมีสภาพหักและแตกร้าวเกือบทั้งหมด เมื่อขุดแล้วพบมีการแตกร้าวเราจึงได้ถ่ายภาพเอาไว้เป็นหลักฐาน เพราะเชื่อว่าอย่างไรก็ตามทางโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดจะต้องมาตรวจสอบความแข็งแรงให้กับพวกเราอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าวันต่อมาเจ้าของได้นำปูนมาฉาบปิดร่องรอยแตกและร้าวเอาไว้ เราจึงมีภาพถ่ายเป็นหลักฐานทั้งก่อนและหลัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการไกล่เกลี่ยในครั้งนี้มีขึ้นเป็นครั้งแรก ส่วนสาเหตุที่ต้องให้ชาวบ้านเข้าไปทีละครอบครัวนั้นเนื่องจากเป็นขึ้นตอนของยุติธรรมจังหวัดที่มีหน้าที่ไกล่เกลี่ย โดยจะมีเอกสารข้อมูลการสำรวจความเสียหายของบ้านแต่ละหลัง เช่นบ้านบางหลังพื้นหรือผนังเกิดการแตกร้าว เป็นต้น หากความหายตรงตามความเป็นจริงก็ให้เจ้าของบ้านหลังนั้นๆเซ็นต์รับทราบ เมื่อทุกครอบครับรับทราบทางโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดจะลงพื้นที่ตรวจสอบอีกครั้งหนึ่งเพื่อประเมินค่าความเสียหายว่าบ้านแต่ละหลังได้รับความเสียหายเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ จากนั้นจะนำรายการทั้งหมดไปเสนอให้กับเจ้าของที่ดินที่เป็นต้นเหตุทำให้บ้านเรือนแตกร้าวอีกครั้งหนึ่งต่อไป