สธ.ชี้ โอไมครอน เหมือนไข้หวัด

สธ.ชี้ โอไมครอน เหมือนไข้หวัด

เมื่อวันที่ 30 พ.ย.64 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงการเพิ่มมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในประเทศไทย หลังจากเริ่มพบเชื้อกลายพันธุ์ โอไมครอน ในหลายประเทศ ว่า สำหรับไวสรัสกลายพันธุ์โอไมครอน มีข้อมูลเปลี่ยนแปลงตลอดทุกชั่วโมง เบื้องต้นองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ลักษณะการระบาดใกล้เคียงกับสายพันธุ์เดลตา ซึ่งยังไม่พบว่ามีความรุนแรงมากกว่า

อาการสำคัญเหมือนโรคไข้หวัดคือ เพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ประมาณ 2-3 วันก็จะดีขึ้น ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง ที่สำคัญขณะนี้ระบาดในประเทศแถบแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะ 8 ประเทศ ที่เราประกาศไม่อนุญาตให้เข้าไทยแล้ว

ทั้งในระบบไม่กักตัว (Test and go) และแซนด์บอกซ์ (sand box) ได้แก่ บอตสวานา เอสวาตินี เลโซโท มาลาวี โมซัมบิก นามิเบีย แอฟริกาใต้ และซิมบับเว ยกเว้นคนไทยสามารถเข้ามาได้โดยต้องกักตัว 14 วัน

สำหรับระบบ Test and go เราเสนอไปทางศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.แล้วว่า แม้การตรวจด้วยแอนติเจน เทสต์ คิท (ATK) ยังสามารถตรวจพบเชื้อได้ แต่ยังขอให้ใช้เป็นอาร์ที-พีซีอาร์ (RT-PCR) ต่อไปไปจนถึงวันที่ 31 ธ.ค.64 เพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกันนักวิชาการก็ระบุว่า วัคซีนยังสามารถใช้ได้ มีประสิทธิภาพ

หากถามว่าโอไมครอนจะมาหรือไม่ เชื่อว่าทางอากาศยังกั้นได้อยู่ แต่อาจมาทางบกหรือลักลอบได้ทุกเมื่อ แต่ขณะนี้เรายังปิดทุกด่าน สำหรับด่าน จ.หนองคาย เรากำลังวางระบบจะเปิดอยู่ คาดว่าหลังวันที่ 16 ธ.ค.นี้ แต่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา ความรุนแรงยังเป็นเดลตาที่เราเจอมาและยังไม่พบในไทย” นพ.เกียรติภูมิกล่าว

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวถึงสถานการณ์เตียงรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ว่า ปัจจุบันมีประมาณ 2 แสนเตียง ใช้ไปประมาณร้อยละ 30 ขณะนี้ยังมีพอเหลือ ส่วนยา มีการสำรองฟาวิพิราเวียร์ อย่างน้อย 45 วัน วันละ 5 แสนเม็ด และสั่งเพิ่มอีกจำนวนหนึ่ง

ขณะเดียวกันประเทศไทย โดยองค์การเภสัชกรรม (อภ.) มีวัตถุดิบสำหรับผลิตยาฟาวิพิราเวียร์ประมาณ 60 ล้านเม็ด นอกจากนี้ยังมีการทำสัญญาสั่งซื้อยาโมลนูพิราเวียร์ 50,000 คอร์ส จะเข้ามาในเดือนมกราคม 2565

ไทยเราวัคซีนค่อนข้างดี ฉีดเข็มที่ 1 แล้วกว่าร้อยละ 72 ซึ่งนายกรัฐมนตรีอยากให้ได้ถึงร้อยละ 75 คาดว่าในสิ้นปีนี้ ไม่น่าจะมีปัญหา ส่วนเข็มที่ 2 ฉีดครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 60 ขอความร่วมมือประชาชนทุกฝ่ายมาฉีดวัคซีน ซึ่งเรามีวัคซีนมากพอ วัคซีนภาครัฐมีราวๆ 140 ล้านโดส วัคซีนทางเลือกประมาณ 20-30 ล้านโดส นพ.เกียรติภูมิ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าขณะนี้จำป็นต้องประกาศเพิ่มชื่อประเทศที่ห้ามเข้าไทย จากเดิม 8 ประเทศอีกหรือไม่ นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ขณะนี้ห้ามเข้าไทย 8 ประเทศ ส่วนประเทศใกล้เคียงนั้น ทุกคนที่เข้ามาจะกักตัว ส่วนการประกาศเพิ่มประเทศในขณะนี้ ยังไม่มีการพิจารณาเพิ่ม

เมื่อถามถึงความกังวลว่าจะต้องปิดประเทศอีกครั้ง รวมถึงชะลอจัดเทศกาลปีใหม่ด้วย นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น จึงอยากให้ทุกคนร่วมมือช่วยกันไม่ให้เกิดการระบาด เพราะเราก็ไม่ได้อยากปิดอีกครั้ง

โดยย้ำว่าการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่าง และล้างมือ ยังสามารถป้องกันการแพร่และรับเชื้อโควิด-19 ได้ดี

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ