แจ้งตามหาญาติ อุบัติเหตุหมู่ รถชนกัน 3 คัน เสียชีวิตแล้ว 8 ราย ถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 สุดสลด เพิ่งโพสต์ถอยรถมาใหม่เพียง 6 วัน

แจ้งตามหาญาติ อุบัติเหตุหมู่ รถชนกัน 3 คัน เสียชีวิตแล้ว 8 ราย ถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 สุดสลด เพิ่งโพสต์ถอยรถมาใหม่เพียง 6 วัน

เมื่อเวลาประมาณ 22.10 น. วันที่ 24 เม.ย. 2568 ศูนย์วิทยุพระนครได้รับรายงานอุบัติเหตุหมู่ บริเวณจุดจอดรถฉุกเฉิน บนถนนมอเตอร์สาย 7 ช่วง กม. 23+500 ขาออก มุ่งหน้า จ.ชลบุรี ก่อนถึงด่านลาดกระบัง ต.ศีรษะจรเข้น้อย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าตรวจสอบให้การช่วยเหลือ

ที่เกิดเหตุในช่องทางซ้ายสำหรับจอดรถฉุกเฉิน พบรถที่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ทั้งหมดสามคัน คันแรกเป็นรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ บรรทุกน้ำมันพืช จอดอยู่ในสภาพด้านท้ายรถมีร่องรอยการถูกชนอย่างแรงจนได้รับความเสียหาย โดยมีรถนั่งส่วนบุคคล 7 ที่นั่ง ยี่ห้อเชฟโรลเลต แคปติวา สีขาว หมายเลขทะเบียน 6161 อุดรธานี อยู่ตรงกลางในสภาพพังยับเยินจนบี้แบนทั้งคัน ส่วนคันก่อเหตุคือรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ หมายเลขทะเบียน หัวลาก 73-1430 ชลบุรี อยู่ในสภาพพังยับเยินเช่นกัน

จากการตรวจสอบภายในรถยี่ห้อเชฟโรลเลต แคปติวา สีขาว หมายเลขทะเบียน 6161 อุดรธานี พบร่างผู้เสียชีวิตหลายราย เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ต้องระดมเครื่องตัดถ่างหลายชุดเข้างัดและถ่างซากรถคันนี้เพื่อตรวจสอบภายในรถและก็พบร่างผู้โดยสารที่นั่งมาในรถรวมทั้งหมด 8 ราย เจ้าหน้าที่จึงนำร่างออกมาตามลำดับ ดังนี้

รายที่ 1 เป็นเด็กหญิง อายุประมาณ 2-3 ขวบ จุดที่พบเบาะหลังซ้าย

รายที่ 2 เพศหญิง วัยกลางคน จุดที่พบเบาะหลังซ้าย พบร่างคู่กับเด็ก

รายที่ 3 เบาะซ้ายข้างคนขับ เพศหญิงวัยกลางคน

รายที่ 4 เด็กหญิง อายุ 2-3 ขวบ เบาะหลัง

รายที่ 5 เบาะหลังซ้ายเด็กชาย อายุประมาณ 10 ขวบ

รายที่ 6 เพศหญิง เบาะหลังซ้าย

รายที่ 7 เพศหญิง

รายที่ 8 เพศชาย พบร่างตรงตำแหน่งคนขับ

นอกจากนี้ ยังพบชิ้นส่วนมนุษย์ ทั้งแขนและขา รวมถึงศีรษะบางส่วน ยังไม่ทราบเพศ รอตรวจการตรวจสอบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลอีกครั้ง โดยร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งยังนิติเวชสถาบันรามาจักรกรีนฤบดินทร์ สมุทรปราการ

นอกจากนั้น ที่เกิดเหตุยังมีผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย คือ นายเสน่ห์ ดอกตะเคียน อายุ 60 ปี คนขับรถบรรทุกคู่กรณีที่มาชนท้าย และอีกสองราย คือ ดญ.พิมพ์ลภัส อายุ 12 ปี และน.ส.หทัยมาศ อายุ 18 ปี สองคนนี้เป็นผู้โดยสารที่มากับรถเก๋ง ทั้ง 3 รายส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9

ด้าน นายเจตน์ สุขกลิ่น อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุช่วงแรกบอกว่า ทันทีที่เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บเป็นเด็กหญิงสองรายกระเด็นออกมาจากตัวรถจึงปฐมพยาบาลและพาตัวส่งโรงพยาบาล โดยจากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า เด็กหญิงที่ได้รับบาดเจ็บนั่งมาในรถและกำลังเดินทางไปหาพ่อกับแม่ที่อยู่ในจังหวัดระยองโดยมีน้าและอามารวมถึงหลานสาวรวมทั้งหมด 10 คน ซึ่งเด็กหญิงที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสองคนเป็นจังหวะที่ลงมายืนท้ายรถเพื่อเปลี่ยนแพมเพสให้กับหลานและกำลังจะพากันขึ้นรถเดินทางต่อแต่มาประสบอุบัติเหตุถูกชนท้ายจนกระเด็น

ขณะที่ นายกวางแก้ว จันทร์ปทุม อายุ 51 ปี คนนี้เป็นคนขับรถบรรทุกน้ำมันพืชที่จอดคันแรก เจ้าตัวบอกว่า ตนเองและภรรยาขับรถบรรทุกน้ำมันพืชจากจังหวัดชุมพรเพื่อจะไปส่งให้ลูกค้าที่จังหวัดปราจีนบุรี จนมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นช่องทางจอดรถฉุกเฉินจึงพากันจอดรถหวังจะทานข้าวกันในรถ แต่พอจอดได้ไม่ถึง 5 นาทีก็เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งความแรงของการชนทำให้รถขยับไถลไปข้างหน้าหลายสิบเมตร

พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์ ผู้กำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ระบุว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น รถเก๋งคันนี้โดยสารมาทั้งหมด 10 คน มาจากกรุงเทพมหานคร กำลังมุ่งหน้าไปหาญาติที่จังหวัดระยอง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุมีรถบรรทุกจอดอยู่ด้านหน้าในช่องทางฉุกเฉินหรือจุดพักรถชั่วคราวอยู่ก่อนหนึ่งคัน คนขับจึงได้จอดรถต่อท้าย เพื่อให้คนในรถลงมาหยิบแพมเพสมาเปลี่ยนให้เด็กบนรถ

ต่อมา ได้มีรถบรรทุกอีกหนึ่งคันวิ่งเข้ามาในช่องทางฉุกเฉินและพุ่งชนท้ายเข้ากับรถคันเกิดเหตุอย่างรุนแรง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากดังกล่าว ส่วนรายละเอียดทางด้านพนักงานสอบสวนจะได้เข้าสอบปากคำคนขับและผู้บาดเจ็บอีกครั้งพร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้

ขณะเดียวกันในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ข้อความประกาศตามหาญาติผู้เสียชีวิต โดยพบว่ารถยนต์เอสยูวีคันดังกล่าวมีการโพสต์ข้อความไว้เมื่อประมาณ 6 วันที่แล้ว ก่อนเกิดเหตุโดยระบุ เพิ่งซื้อรถคนเกิดเหตุมา พร้อมกับป้ายทะเบียนที่ตรงกับรถคันที่เกิดอุบัติเหตุ

ผู้สื่อข่าวจังหวัดสมุทรปราการ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ