
เกิดอุบัติเหตุสลด เก๋งจอดรถเปลี่ยนแพมเพิสให้เด็ก ถูกรถบรรทุกพ่วง ชนอัดก็อปปี้ เสียชีวิตยกครัว
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 68 เพจ ต้นปราการ ได้เผยข้อความระบุว่า สลดกลาง #มอเตอร์เวย์สาย7 เก๋งจอดรถเปลี่ยนแพมเพิสให้เด็ก ถูกรถบรรทุกพ่วง ชนอัดก็อปปี้ เสียชีวิตยกครัว 8 ศพ เจ็บ 3 ราย เมื่อเวลาประมาณ 22.10 น. วันที่ 24 เมษายน 2568 ศูนย์วิทยุพระนครได้รับรายงานอุบัติเหตุหมู่ บริเวณจุดจอดรถฉุกเฉิน บนถนนมอเตอร์สาย 7 ช่วง กม. 23+500 ขาออก มุ่งหน้าบ้านฉาง จ.ชลบุรี ก่อนถึงด่านลาดกระบัง. ตำบลศีรษะจรเข้น้อย อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายราย อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู เข้าตรวจสอบให้การช่วยเหลือ ตรวจสอบที่เกิดเหตุในช่องทางซ้ายสำหรับจอดรถฉุกเฉิน พบรถที่เกิดอุบัติเหตุในครั้งนี้ทั้งหมดสามคัน คันแรกเป็นรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อบรรทุกน้ำมันพืช จอดอยู่ในสภาพด้านท้ายรถมีร่องรอยการถูกชนอย่างแรงจนได้รับความเสียหาย โดยมีรถนั่งส่วนบุคคล 7 ที่นั่ง ยี่ห้อเชฟโรลเลต แคปติวา สีขาว หมายเลขทะเบียน 6161 อุดรธานี อยู่ตรงกลางในสภาพพับยับเยินจนบี้แบนทั้งคัน ส่วนคันก่อเหตุคือรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ หมายเลขทะเบียน หัวลาก 73-1430 ชลบุรี อยู่ในสภาพพังยับเยินเช่นกัน จากการตรวจสอบภายในรถยี่ห้อเชฟโรลเลต แคปติวา สีขาว หมายเลขทะเบียน 6161 อุดรธานี พบร่างผู้เสียชีวิตหลายราย เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ต้องระดมเครื่องตัดถ่างหลายชุดเข้าถัดและถ่างซากรถคันนี้เพื่อตรวจสอบภายในรถและก็พบร่างผู้โดยสารที่นั่งมาในรถรวมทั้งหมด 8 ราย เจ้าหน้าที่จึงนำร่างออกมาตามลำดับ ดังนี้
รายที่ 1.เป็นเด็กหญิง อายุประมาณ 2-3 ขวบ จุดที่พบเบาะหลังซ้าย
รายที่ 2.เพศหญิง วัยกลางคน จุดที่พบเบาะหลังซ้าย พบร่างคู่กับเด็ก
รายที่ 3. เบาะซ้ายข้างคนขับ เพศหญิงวัยกลางคน
รายที่ 4.เด็กหญิง อายุ 2-3 ขวบ เบาะหลัง
รายที่ 5.เบาะหลังซ้ายเด็กชาย อายุประมาณ 10 ขวบ
รายที่ 6.เพศหญิง เบาะหลังซ้าย
รายที่ 7. เพศหญิง
รายที่ 8.เพศชาย พบร่างตรงตำแหน่งคนขับ นอกจากนั้นยังพบชิ้น ทั้งแขนและขา รวมถึงศีรษะบางส่วน ยังไม่ทราบเพศ รอตรวจการตรวจสอบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลอีกครั้ง โดยร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูนำส่งยังนิติเวชสถาบันรามาจักรกรีนฤบดินทร์ สมุทรปราการ
นอกจากนั้นที่เกิดเหตุยังมีผู้บาดเจ็บอีก 3 ราย คือ นายเสน่ห์ อายุ 60 ปี คนขับรถบรรทุกคู่กรณีที่มาชนท้าย และอีกสองราย คือ ดญ.พิมพ์ลภัส อายุ 12 ปี และน.ส.หทัยมาศ อายุ 18 ปี สองคนนี้เป็นผู้โดยสารที่มากับรถเก๋ง ทั้ง 3 รายส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 ด้าน นาย เจตน์ สุขกลิ่น อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญ ที่เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุช่วงแรกบอกว่า ทันทีที่เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บเป็นเด็กหญิงสองรายกระเด็นออกมาจากตัวรถจึงปฐมพยาบาลและพาตัวส่งโรงพยาบาล
โดยจากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า เด็กหญิงที่ได้รับบาดเจ็บนั่งมาในรถและกำลังเดินทางไปหาพ่อกับแม่ที่อยู่ในจังหวัดระยอง โดยมีน้าและอามารวมถึงหลานสาวรวมทั้งหมด 10 คน ซึ่งเด็กหญิงที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสองคนเป็นจังหวะที่ลงมายืนท้ายรถเพื่อเปลี่ยนแพมเพิสให้กับหลาน และกำลังจะพากันขึ้นรถเดินทางต่อ แต่มาประสบอุบัติเหตุถูกชนท้ายจนกระเด็น ขณะที่ นายกวางแก้ว อายุ 51 ปี คนนี้เป็นคนขับรถบรรทุกน้ำมันพืชที่จอดคันแรก เจ้าตัวบอกว่า ตนเองและภรรยาขับรถบรรทุกน้ำมันพืชจากจังหวัดชุมพรเพื่อจะไปส่งให้ลูกค้าที่จังหวัดปราจีนบุรี จนมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นช่องทางจอดรถฉุกเฉินจึงพากันจอดรถหวังจะทานข้าวกันในรถ แต่พอจอดได้ไม่ถึง 5 นาทีก็เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว
ซึ่งความแรงของการชนทำให้รถขยับไถลไปข้างหน้าหลายสิบเมตร พ.ต.อ. กึกก้อง ดีศวัฒน์ พ.ต.อ.กึกก้อง ดิศวัฒน์-ผู้กำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ระบุว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น รถเก๋งคันนี้โดยสารมาทั้งหมด 10 คนมาจากกรุงเทพมหานครกำลังมุ่งหน้าไปหาญาติที่จังหวัดระยอง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุมีรถบรรทุกจอดอยู่ด้านหน้าในช่องทางฉุกเฉินหรือจุดพักรถชั่วคราวอยู่ก่อนหนึ่งคันคนขับจึงได้จอดรถต่อท้ายเพื่อให้คนในรถลงมาหยิบแพมเพิสมาเปลี่ยนให้เด็กบนรถ ต่อมาได้มีรถบรรทุกอีกหนึ่งคันวิ่งเข้ามาในช่องทางฉุกเฉินและพุ่งชนท้ายเข้ากับรถคันเกิดเหตุอย่างรุนแรง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากดังกล่าว
ซึ่งขนาดนี้สามารถติดต่อทางครอบได้แล้วอยู่ระหว่างเดินทางมายังโรงพยาบาล ส่วนรายละเอียดทางด้านพนักงานสอบสวนจะได้เข้าสอบปากคำคนขับและผู้บาดเจ็บอีกครั้งพร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตึในครั้งนี้ ขณะเดียวกันในเฟสบุ๊คของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นเจ้าของรถ พบว่าได้มีการโพสต์ภาพคู่กับรถคันที่เกิดเหตุ ที่เพิ่งจะซื้อต่อมาได้เพียง 6 วัน และที่เศร้าสะเทือนใจไปกว่านั้น มีภาพอวยพรวันเกิดลูกชายอย่างมีความสุขในวันที่ 16 เมษายนที่ผ่านมา ทางเพจขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิตอีกครั้ง และขอให้ผู้บาดเจ็บปลอดภัย