
ปฏิบัติการ สิงห์สายลับ บุกทลายเครือข่ายบุหรี่เถื่อนกลางเมืองภูเก็ต
วันที่ 20 เมษายน 2568 นายอนุทิน ชาญวีระกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้ นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง จัดชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง นำโดย นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ และนายศักดิ์ชัย โรจน์รัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง นำกำลังเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน รวมกว่า 50 นาย ปูพรมเมืองภูเก็ตบุกจับร้านขายบุหรี่เถื่อนและขบวนการลักลอบขนส่งบุหรี่เถื่อนทั้งหมด 4 จุด ได้แก่
1. ร้านประตูน้ำเงิน ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
2. ร้านหน้าการเคหะ ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
3. ห้องพัก 72/7 (สถานที่เก็บบุหรี่ผิดกฎหมาย) ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
4. ร้านสามแยกบ้านสวน ถนนรัษฎานุสรณ์ ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต
ปฏิบัติการครั้งนี้เริ่มต้นมาจาก กรมการปกครอง ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวภูเก็ตว่ามีการลักลอบจำหน่ายและขนส่งบุหรี่เถื่อนเป็นจำนวนมาก โดยจากการสืบสวนพบว่า การจำหน่ายบุหรี่ผิดกฎหมายในพื้นที่อำเภอเมืองภูเก็ต มีการลักลอบนำเข้ามาเป็นกระบวนการผ่านทางเรือนำเที่ยว ซึ่งมีเจ๊ใหญ่ อักษรย่อ บ. เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง และพบเป็นเครือข่ายร้านจำหน่ายบุหรี่เถื่อนของบุคคลที่ใช้ชื่อในวงการนามว่า “จ่าแว่น” ซึ่งมีการสั่งของและขนส่งผ่านทางบริษัทเอกชนชื่อดังรายหนึ่ง โดยมีเครือข่ายต้นทางมาจากพื้นที่ภาคใต้ปลายด้ามขวาน เชื่อมโยงกับเครือข่ายค้าบุหรี่เถื่อนรายใหญ่ที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองได้ดำเนินการจับกุม ในช่วงปีที่ผ่านมา
ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง จึงลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตเพื่อทำการสืบสวน พบพฤติการณ์ของขบวนการขายบุหรี่เถื่อนดังกล่าว เป็นการเปิดร้านโดยใช้ห้องขนาดเล็ก มีเพียงแค่ช่องบานเลื่อนขนาดพอที่จะเห็นกันได้ เพื่อทำการลักลอบขายบุหรี่เถื่อนให้กับลูกค้าซึ่งเป็นผู้บริโภคบุหรี่เถื่อนโดยตรง ซึ่งจากการสืบสวนยังปรากฎข้อมูลในทางลับว่าเครือข่ายนี้เป็นเครือข่ายของผู้มีอิทธิพล และนักการเมืองซึ่งเป็นหนึ่งในผู้สมัครสภาท้องถิ่น ที่จะดำเนินการเลือกตั้งในเร็วๆ นี้ โดยเครือข่ายนี้จะมีความระมัดระวัง มีการอำพราง และมีการวางแผนการหลบหนีไว้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีการกระจายสินค้าบุหรี่เถื่อนไปยังลูกค้าทั่วประเทศ โดยขายผ่านช่องทางออนไลน์ และ LINE OpenChat ซึ่งมีผู้ติดตามจำนวนมาก
จากการเข้าตรวจค้นห้องแถวบริเวณหน้าการเคหะ และจุดอื่นอีกจำนวน 3 จุด พบว่าด้านในเป็นห้องขนาดเล็กมีบุหรี่ผิดกฎหมายจำนวนหนึ่ง และมีช่องลับที่ใช้สำหรับเป็นช่องทางการหลบหนี ทั้งพบว่า ด้านหลังร้านจำหน่ายบุหรี่หน้าการเคหะดังกล่าว ปรากฏมีการใช้ห้องพักชั้น 1 ของแฟลตการเคหะ ขนาดกว้างประมาณ 30 ตร.ม. มีการล็อคกุญแจห้องไว้อย่างแน่นหนา เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับเก็บบุหรี่ผิดกฎหมาย
จากการจับกุมตรวจพบของกลางเป็นบุหรี่เถื่อน ประเมินมูลค่าความเสียหายในเบื้องต้นแล้วพบว่ารัฐต้องสูญเสียค่าปรับทางภาษีประมาณ 4 ล้านบาท และจับกุมผู้กระทำความผิดได้ 3 ราย และแจ้งข้อกล่าวหาในความผิด ฐาน
1. มีไว้ในครอบครองซึ่งสินค้าที่เป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน
2. ขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งสินค้าที่เป็นสินค้าที่มิได้เสียภาษีหรือเสียภาษีไม่ครบถ้วน
3. นำเข้ามาในหรือส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งของที่ยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากร หรือเคลื่อนย้ายของออกไปจากยานพาหนะ คลังสินค้าทัณฑ์บน โรงพักสินค้า ที่มั่นคง ท่าเรือรับอนุญาต หรือเขตปลอดอากร โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานศุลกากร
4. ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดตามมาตรา 242 และมาตรา 246 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ.2560
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง ฝากถึงประชาชนขอให้มีความเชื่อมั่นว่ากรมการปกครอง จะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างจริงจัง การที่ประชาชนให้การสนับสนุนโดยการซื้อบุหรี่ปลอมนั้น จะทำให้ภาครัฐต้องสูญเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีจากผู้ประกอบการค้ายาสูบที่เสียภาษีอย่างถูกต้องตามกฎหมายเป็นจำนวนมหาศาล และไม่ว่าจะสูบบุหรี่แบบใด ย่อมเป็นอันตรายต่อชีวิตของตัวเองและผู้คนรอบข้าง แต่หากสูบบุหรี่ปลอม ก็ยิ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพเพิ่มขึ้นไปอีก และขอความร่วมมือประชาชนทุกท่าน หากพบเห็นเบาะแส หรือต้องการแจ้งให้ช่วยเหลือ แก้ไขปัญหาความเดือดร้อน สามารถแจ้งศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย หมายเลขโทรศัพท์ 1567
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน