
นายกเบี้ยว ไม่ปกป้องลูกชาย ปกติขับรถดี เข้าเยี่ยมลุงป้าถ้าผิดพร้อมขอโทษ
“พีช” ผู้สมัคร สท.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หัวร้อนซิ่งรถบีเอ็ม ดับเบิลยูพุ่งชนรถกระบะที่ถนนกาญจนาภิเษก หมายเลข 9 บางนา-บางปะอิน สองผัวเมียคู่กรณีเจ็บหนัก ตำรวจทางหลวงสอบปากคำผู้บาดเจ็บและดูคลิปเตรียมแจ้งข้อหาลูกคนดัง ส่วนพ่อพีชเข้าเยี่ยมคู่กรณีเผยยังไม่พบลูกชาย หากผิดพร้อมขอโทษ ผบ.ตร.จวกยับพฤติกรรมน่ารังเกียจ ไม่มีวุฒิภาวะและจิตสำนึกที่ดี ขณะที่โฆษกพรรคเพื่อไทยแจง “พีช” เป็นนักการเมืองท้องถิ่น ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย จากเหตุที่นายสมิทธิพัฒน์ หรือพีช หลีนวรัตน์ อายุ 28 ปี ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ต.ธัญบุรี อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ขับรถเก๋งบีเอ็มดับเบิลยู สีขาว ป้ายแดง ทะเบียน ท-6523 กรุงเทพมหานคร มีเรื่องทะเลาะวิ่งปาดรถไปมากับรถกระบะ มีนายประจักษ์ ดวงใย อายุ 65 ปี เป็นคนขับ และนางสมศรี ดวงใย อายุ 64 ปี ภรรยานั่งอยู่ด้านข้าง บนถนนกาญจนาภิเษกหมายเลข 9 บางนา-บางปะอิน มุ่งหน้าบางปะอิน กม.22 อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เป็นที่น่าหวาดเสียว
กระทั่งนายพีชขับไปกระแทกรถกระบะเสียหลักชนแบริเออร์ ทำให้นายประจักษ์และนางสมศรีได้รับบาดเจ็บ ขณะที่นายพีชยังไม่ลดละจอดรถลงมาพร้อมถอดเสื้อแล้วตะโกนด่าคู่กรณีอย่างดุเดือด เหตุดังกล่าวชาวบ้านถ่ายคลิปนำมาโพสต์ถึงพฤติกรรมก้าวร้าวของนายพีช ต่างวิพากษ์ วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวนายประจักษ์และภรรยาส่งตัวไปรักษาที่ รพ.บางปะกอก-รังสิต 2 ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 เม.ย. แพทย์ รพ.บางปะกอก-รังสิต 2 เปิดเผยว่า อาการนายประจักษ์ซี่โครงหัก 2 ซี่ เจ็บหน้าอก เบื้องต้นไม่ได้มีลมในปอดหรือน้ำในปอด อาการทั่วไปรู้สึกตัวดี ต้องนอนดูอาการในห้องไอซียูอย่างใกล้ชิดเป็นเวลา 72 ชม. ส่วนนางสมศรีมีบาดแผลที่หน้าผาก เบื้องต้นเอกซเรย์สมองอาการปกติ สามารถพูดคุยได้
ส่วนทางด้านคดีตำรวจยังไม่ได้ติดต่อมา ทาง รพ.รักษาคนไข้และยังไม่สิ้นสุดการรักษา ดูอาการแทรกซ้อนภายใน 72 ชม. หากไม่มีอาการแทรกซ้อนก็สามารถกลับบ้านได้ จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถามนางสมศรีเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 เม.ย. สามีขับรถมาจากบ้านลูกสาวที่พัทยา วิ่งกลับบ้านที่ จ.ลำปาง ใช้ความเร็วตามทางปกติเข้าด่านเก็บเงินที่ธัญบุรี จังหวะนั้นรถบีเอ็มดับเบิลยูวิ่งมาแทรก แต่สามีไม่ให้เข้า คนขับรถบีเอ็มเปิดกระจกชี้หน้าด่าและขับรถไล่ตามวิ่งปาดไปมา
และบอกให้จอดรถเพื่อลงมาคุยกัน ตนและสามีกลัวว่าจะมีอาวุธเหมือนคนเมาเหล้า ตนและสามียกมือไหว้ขอโทษแต่ยังไม่ยอมลดละ ขับรถกระแทกจนเกิดอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บ ต่อมาเวลา 12.30 น. นายกฤษดา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี หรือนายกเบี้ยว พ่อของนายพีชเดินทางมาที่ รพ.บางปะกอก-รังสิต 2 เพื่อมาเยี่ยมนายประจักษ์และภรรยา พร้อมเปิดเผยว่า เดินทางมาเยี่ยมผู้บาดเจ็บ ส่วนลูกชายนั้นยังติดต่อไม่ได้ ปกติลูกเป็นคนขับรถดีมาก ตนไม่ได้กังวลเรื่องอะไร ถ้าลูกผมผิดพร้อมขอโทษ ไม่เข้าข้างลูก ต่อมาเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.ธิติ พันธ์สวัสดิ์ รอง ผกก.(สอบสวน) ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. พ.ต.ท.จำเริญ หนูรัก สว.(สอบสวน) ส.ทล.2 กก.8 บก.ทล. เดินทางมาที่ รพ.บางปะกอก-รังสิต 2 เพื่อสอบปากคำ นายประจักษ์และภรรยาใช้เวลากว่า 3 ชม. จากนั้น พ.ต.ท.จำเริญกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหากับใคร สอบปากคำผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คน และคนขับรถบีเอ็มแล้ว พร้อมทั้งตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายของคนขับ ผลตรวจวัด 0 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ส่วนอาการของคนเจ็บนั้นต้องรอผลแพทย์ก่อน ตำรวจทางหลวงจะดำเนินคดีความผิด พ.ร.บ.จราจร ส่วนจะเข้าข่ายคดีอาญาหรือไม่ จะส่งหลักฐานให้ทางตำรวจ สภ.ลำลูกกา ดำเนินการต่อไป
ขณะที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เปิดเผยว่า ดูคลิปแล้วยืนยันไม่ได้มีความเกี่ยวข้องเป็นญาติกัน พฤติกรรมของผู้ขับรถบีเอ็มเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ และไม่สมควรเกิดขึ้นในสังคม เสียใจที่ยังมีคนขับรถแบบนี้บนถนน ถ้ารถคันที่เสียหายมีเด็กเล็กอยู่จะเกิดอะไรขึ้น พฤติกรรมเช่นนี้อยู่ในสังคมยาก ก่อนช่วงเทศกาลสงกรานต์เคยฝากประชาชนให้มีสติ และเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กันในการใช้รถใช้ถนน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้ เหตุการณ์นี้เป็นสิ่งที่สังคมรับไม่ได้ ต้องดำเนินคดีทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องอย่างเด็ดขาด ไม่เพียงแต่ทำผิดกฎหมาย แต่ยังแสดงออกถึงความไร้จิตสำนึก อวดอ้างความสัมพันธ์กับนักการเมืองชื่อดังในพื้นที่ เพื่อหวังให้ดูมีอิทธิพล ผู้กระทำผิดยังไม่สำนึกผิด แสดงให้เห็นว่าไม่มีวุฒิภาวะและจิตสำนึกที่ดีเลย
“ถ้าเป็นลูกชายผมเองทำผิดผมก็ไม่ช่วย ทุกคนต้องอยู่ใต้กฎหมาย ไม่ใช่ทำตัวใหญ่กร่างอวดอ้างไปเรื่อย พร้อมย้ำว่าการบังคับใช้กฎหมายต้องเป็นธรรมและเท่าเทียม ไม่มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่มีชื่อเสียงหรือมีสายสัมพันธ์ทางการเมือง” ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ ลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ “นายกเบี้ยว” นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี ขับรถบีเอ็มดับเบิลยูชนรถกระบะบนทางด่วน โดยสังคมกังวลว่าจะมีเรื่องของอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้อง นายกฯพยักหน้าพร้อมกับร้องว่า “โอ้” ก่อนกล่าวว่า มันก็เป็นไปตามกระบวนการไป ยิ่งเป็นข่าวที่สังคมให้ความสนใจ มีอิทธิพลไม่ได้หรอก เดี๋ยวนี้โลกเราก็เป็นอย่างนี้ไปแล้ว นายดนุพร ปุณณกันต์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริงๆ ตนขอเป็นกำลังใจให้กับผู้บาดเจ็บ ขอให้ปลอดภัยและหายในเร็ววัน ในส่วนของคู่กรณีขอให้เป็นเรื่องของตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป นอกจากนั้นในกรณีที่มีการโยงถึงทางพรรคเพื่อไทย ต้องเรียนแจ้งว่า
คู่กรณีคนดังกล่าวเป็นนักการเมืองท้องถิ่น ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยแต่อย่างใด ขอทุกท่านอย่านำเรื่องดังกล่าวมาโยงกับการเมือง หรือนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ สำหรับคดีนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.38 น. วันที่ 16 เม.ย. พ.ต.ท.จำเริญ หนูรัก สว.(สอบสวน) สถานี ตำรวจทางหลวง 2 กก.8 บก.ทล. รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถชนกันบริเวณถนนกาญจนาภิเษกหมายเลข 9 หลัก กม.ที่ 23+400 มุ่งหน้าบางปะอิน จ.ปทุมธานี เป็นเหตุให้มีผู้รับบาดเจ็บ ไปตรวจสอบพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยทางหลวงและอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุพบรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 3 สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ท-6523 กรุงเทพมหานคร เฉี่ยวชนกับรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ สีดำ ทะเบียน บว 2775 ลำปาง พบผู้บาดเจ็บ 2 คน ชื่อนายประจักษ์ ดวงใย อายุ 65 ปี คนขับ และนางสมศรี ดวงใย อายุ 64 ปี ภรรยา อยู่บ้านเลขที่ 204/1 หมู่ 1 ต.ศาลา อ.เกาะคา จ.ลำปาง อาสากู้ภัยที่นำตัวส่ง รพ.บางปะกอก-รังสิต 2 ส่วนคนขับรถเก๋งคู่กรณีชื่อนายสมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ อยู่บ้านเลขที่ 60/5 หมู่ 2 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ในที่เกิดเหตุ พร้อมทั้งเดินทางไปที่โรงพัก ก่อนให้การในเบื้องต้นว่า ขับรถปาดหน้ากันมาก่อนแล้วเกิดชนกัน
ที่กระทรวงมหาดไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีลูกชายของนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ นายกเทศมนตรี ตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี มีพฤติกรรมรุนแรงบนท้องถนนจนทำให้มีผู้บาดเจ็บสาหัส 2 รายว่า ต้องดำเนินคดีไป ให้ผู้เสียหายไปฟ้องแจ้งความดำเนินคดี ส่วนกระทรวงมหาดไทยไม่ว่าจะเป็นลูกใคร ทำผิดกฎหมายโดนหมด ต้องให้ความเป็นธรรมทำทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา เมื่อถามกรณีดังกล่าวหากใช้อิทธิพลในพื้นที่ดังกล่าวมารังแกประชาชนจะทำอย่างไร นายอนุทินถามกลับว่า “ใหญ่กว่าผู้ว่าฯ ไหม ใหญ่กว่าตำรวจไหม ใหญ่กว่ากระทรวงมหาดไทยไหม ใหญ่กว่ารัฐบาลไหม ถ้าไม่ก็ไม่มีอิทธิพลอะไร ในเมื่อคนที่ใหญ่กว่าบอกว่าต้องโดน ถ้าทำผิดก็ต้องโดน”