คดีพลิก! เพจดังโพสต์แจงโรงเรียนต้นทาง เหตุ ม.4 สอบติดแต่โดนตัดสิทธิ เผยไม่ไช่เอกสารผิดพลาด ทำเด็กไม่มีที่เรียน

คดีพลิก! เพจดังโพสต์แจงโรงเรียนต้นทาง เหตุ ม.4 สอบติดแต่โดนตัดสิทธิ เผยไม่ไช่เอกสารผิดพลาด ทำเด็กไม่มีที่เรียน

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เรื่องราวนักเรียนคนหนึ่ง สอบติด ม.4 ได้อันดับที่ 15 โรงเรียนแห่งหนึ่งประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช แต่ต้องถูกตัดสิทธิ เพราะโรงเรียนเก่าทำเอกสารผิดพลาด ส่งผลให้โรงเรียนใหม่ไม่รับรายงานตัว จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากสังคมในเรื่องดังกล่าว

ล่าสุด วันที่ 11 เม.ย. 2568 เฟซบุ๊กเพจ แม่หมอบิวติวเตอร์ โพสต์ถึงประเด็นทางฝั่งโรงเรียนเก่า ซึ่งเนื้อหาใจความบอกโรงเรียนต้นทางไม่ได้ออกเอกสารผิดพลาด แต่สาเหตุมาจากนักเรียนคนดังกล่าวติด ศูนย์ โดยระบุว่า ประเด็นของเด็กม.4 โดนตัดสิทธิ์ จริงๆรร.ต้นทางไม่ได้ทำเอกสารผิดเลย เด็กนักเรียนอาจจะมีผลการเรียน 0 ร มผ ที่ส่งผลให้ไม่สามารถอนุมัติจบรอบแรกวันที่ 31 มีนาคม 2568 ได้พร้อมกับเพื่อน ๆ คนอื่น

ซึ่งหลังจากนั้นนักเรียนได้มาแก้ตัวเรียบร้อยแล้ว แต่การอนุมัติจบของโรงเรียนนั้นกำหนดทำเป็นรอบ เช่น

รอบที่ 1 : 31 มีนาคม 2568

รอบที่ 2 : 25 เมษายน 2568

เพราะการออกเอกสาร ปพ.ฉบับจริง จะต้องระบุชุดที่... เลขที่... และเป็นเอกสารที่สำนักงานเขตพื้นที่ต้องสั่งซื้อให้กับโรงเรียน (ป้องกันการปลอมแปลงเอกสาร) จึงไม่สามารถออกเอกสารตามใจได้ รร.อื่นๆ ก็มีกระบวนการแบบนี้เหมือนกัน แต่อาจจะกำหนดรอบไม่เหมือนกัน

เมื่อนักเรียนสอบติดและต้องใช้เอกสารมอบตัว รร.ปลายทาง ซึ่งทาง รร.เดิมได้ออก ปพ.ฉบับสำเนา/ใบรับรอง (ไม่มีเลขระบุ) ไปให้ก่อน เพื่อแสดงว่านักเรียนแก้ตัวผ่านเรียบร้อยแล้ว และรอเอกสารฉบับตัวจริง วันที่ 25 เมษายน หมายเหตุ: เอกสารปพ.แบบนี้สามารถออกได้ตลอดเวลา และโรงเรียนไม่ได้ทำเอกสารผิดแต่อย่างใด แต่ทาง รร.ปลายทางมีระเบียบแนวทางการปฏิบัติในการรับมอบตัวว่าจะต้องใช้ ปพ.ฉบับจริงเท่านั้น จึงไม่สามารถรับได้เนื่องจากเอกสารไม่สมบูรณ์

ซึ่งการที่ สพฐ.สั่งให้อนุโลมกับเคสนี้ มันก็คงไม่ยุติธรรมกับเคสอื่นๆ หากต้องการในแนวทางนี้ควรประกาศให้ชัดเจนไปเลย ให้ทุกรร.รับมอบตัวได้แม้ว่านักเรียนยังไม่มี ปพ.ฉบับจริง แต่จบทันภายในปีการศึกษา 2567 ใดๆ ก็แล้วแต่นี่คิดว่าเราควรสร้างความตระหนักให้นักเรียนเห็นความสำคัญของการเรียนจบในรอบแรกแบบปลอด 0 ร มผ มส จริง ๆ

จากนั้น แม่หมอบิวติวเตอร์ ยังได้โพสต์อีกว่า สรุปเจ้าของโพสต์ออกมาชี้แจงแล้วว่า น้องมีผลการเรียน 0 จริง ซึ่งได้แก้ตัวผ่านแล้ว จึงขอสรุปตามความเข้าใจและชวนพูดคุยในประเด็นที่น่าสนใจดังนี้

1. ทางโรงเรียนต้นทาง กำหนดปฏิทินการทำจบ 3 รอบตามรูปที่ 1 ซึ่งน้องไม่จบภายในวันที่ 31 มีนาคม 2568 เลยไม่ได้รับฉบับจริง

2. น้องแก้ตัวเสร็จก่อนวันที่ 9 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นวันมอบตัว จึงไปขอใบปพ.1 จากรร. แต่ทางรร.ไม่สามารถออกให้ได้เพราะไม่ตรงรอบ จึงออกใบรับรองให้ ณ วันที่ 9 เมษายน และลงวันที่ 11 เมษายน ตามรอบ (ไม่ใช่ฉบับที่มีต้นขั้ว)

คำถามคือ:

- ทำจบไม่ตรงรอบได้หรือไม่?? คำตอบคือได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับโรงเรียนว่ากำหนดไว้อย่างไร จะทำตรงรอบเท่านั้นเพื่อความสะดวกในการบริหารจัดการ หรือทำจบเรื่อยๆ ก็ได้ แต่อย่าลืมว่าแต่ละรร.มีนักเรียนค่อนข้างเยอะ หากนักเรียนคนใดจบแล้วทำคนนั้นก่อน ซึ่งจะผูกพันกับการทำปพ.3 ต่อไปอีก ก็จะสงสารครูฝ่ายทะเบียนอยู่ไม่น้อย

- ทำไมรอบ 2 ถึงห่างกับรอบแรกเกินไป ไม่เลื่อนมาอยู่ช่วงของการมอบตัว มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องค่อนข้างเยอะ เช่น บางรร.อาจจะตามจนวินาทีสุดท้ายแล้วเพื่อให้ทัน 31 บางรร.เปิดให้ม.3 ม.6 แก้ตัวก่อนระดับอื่น บางรร.ใช้วิธีการเรียนซ้ำช่วงปิดภาคเรียนฯลฯ

3. น้องไปมอบตัวที่รร.ปลายทาง ซึ่งคุณครูพบว่าเอกสารไม่ถูกต้อง

- ไม่ใช่ปพ.ฉบับสมบูรณ์

- ลงวันที่ 11 เมษายน 2568 ซึ่งเป็นวันที่หลังจากการมอบตัว จึงไม่รับเอกสารดังกล่าว

!! แต่ตามประกาศของรร.(รูปที่2) ให้ผ่อนผันเอกสารได้ ซึ่งไม่ทราบว่าขอบเขตของการผ่อนผันเป็นอย่างไร

สรุปสพฐ.เห็นว่าควรอนุโลมให้ได้ จึงเป็นบรรทัดฐานของงานรับนักเรียนในปีการศึกษาถัดไป ว่าจะมีแนวทางอย่างไรสำหรับนักเรียนที่ไม่จบรอบแรก โดยความเห็นส่วนตัวของแม่หมอคิดว่ารร.ทั้งสองได้พยายามทำตามกฎระเบียบที่วางไว้แล้วเพื่อความถูกต้องและความเป็นธรรมกับนักเรียนทุกคน

และแม่หมอเชื่อเหลือเกินว่าเพื่อนครูทุกคนต่างก็อยากให้โอกาสนักเรียน ให้โอกาสลูกศิษย์กันทั้งนั้น แต่ก็ต้องควบคู่ไปกับการสอนให้นักเรียนมีความรับผิดชอบ รู้จักสิทธิและหน้าที่ของตน ไม่อย่างนั้นการให้โอกาสนี้จะกลายเป็นพ่อแม่รังแกฉัน สุดท้ายฝากนักเรียนที่รัก พยายามให้จบรอบแรกเถอะ ดีที่สุด เชื่อครู

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ