
เจ้าหน้าที่นำร่างผู้เสียชีวิตจากซากอาคารถล่ม 4 คน ยังคงเร่งค้นหาต่อเนื่อง
เวลา 00.25 น.ผู้สื่อข่าวรายเจ้าหน้าที่กู้ภัยขึ้นกระเช้าของรถเครนขนาดใหญ่ ไปนำ ร่าง มนุษย์ ยังไม่ทราบเพศ ราย ที่ 3 - 4 ระหว่างโซน A กับ B ลงมาให้ แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ และ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน ตรวจสอบเบื้องต้นก่อนนำส่งสถาบันนิติเวชลงโรงพยาบาลตำรวจ
ความพยายามใช้รถเครื่องจักรขนาดใหญ่ เร่งรื้อถอนซากอาคาร ต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเมื่อคืนที่ผ่านมา ส่งผลให้เจ้าหน้าที่สามารถพบร่างผู้ประสบภัย อละนำออกมาได้เพิ่มเติม จำนวน 4 คน
รถเครนยกกระเช้าส่งเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์ เข้าค้นหาในพื้นที่โซนเอ ทันที่หลังมีรายงานและความเคลื่อนไหวว่าพบผู้ประสบภัยติดค้างอยู่บริเวณโซนเอ โดยจุดที่พบ มีความสูงลาดชั้น เจ้าหน้าที่จึงต้องขนย้ายร่างผู้ประสบภัยโดยการยกกระเช่าเข้าไปช่วยเหลือ
ส่วนบริเวณโซนบี ก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่พบผู้ติดค้างอยู่ ซึ่งจุดนี้เจ้าหน้าที่สามารถเดินเท้าเข้าไปถึงได้ และสามารถนำร่างผู้ประสบภัยออกมาได้ในที่สุด
นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ หัวหน้ารถกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ได้ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่สามารถนำผู้ประสบภัยออกมาได้ ถึงจำนวน 4 คน ซึ่งเสียชีวิตทั้งหมด
เป็นผลมาจากรถเครื่องจักรพยายามที่จะรื้อถอนซากอาคารอย่างต่อเนื่อง โดย 1 ใน 4 ผู้ประสบภัยพบเอกสารประจำตัวเป็นชายชาวเมียนมา ส่วนคนอื่นยังต้องรอผลรอส่งพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ
ภายหลังเจ้าหน้าที่สามารถนำผู้ประสบภัยออกจากสร้างอาคารได้แล้ว รถเครื่องจักรก็เริ่มเดินหน้าทำงานต่อเนื่อง ทุกพื้นที่ทั้ง 4 โซน
แต่ดูเหมือนบริเวณโซนเอ รถแบคโฮหมายเลข 21 และ หมายเลข 6 จะพยายามไต่ขึ้นไปบนพื้นที่สูงเพื่อรื้อถอนโครงสร้าง บริเวณโซนอี บนยอดสูงสุดของซากอาคารที่ถล่มลงมา เพื่อลดระดับความสูง โดยมีเจ้าหน้าที่ขึ้นไปสำรวจและตรวจสอบความปลอดภัยของโครงสร้างเป็นระยะ ป้องกันการทรุดตัว หรือถล่มลงมาซ้ำ
ซึ่งการรื้อถอนบริเวณนี้ ถือว่ามีความคืบหน้าพอสมควรในค่ำคืนที่ผ่านมา สามารถลดระดับความสูงได้พอสมควร รวมถึงพื้นที่บริเวณโดยรอบก็มีการลดทอนของโครงสร้างลงไปได้มากด้วยเช่นกัน
ซึ่งทั้ง 4 คน ที่เจ้าหน้าที่ทำออกมาได้ ยังไม่ได้ระบุตามจำนวนยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ ซึ่งยอดผู้เสียชีวิตเดิมยังคงอยู่ที่ 23 คน และสูญหาย 71 คน ส่วนยอดผู้เสียชีวิตและความคืบหน้า เจ้าหน้าที่จะมีคำแถลงการณ์ออกมาอีกครั้ง
ทุกฝ่ายยังคงทำงานแข่งขันกับเวลา เพราะเกรงว่าในพื้นที่อาจจะมีฝนตกลงหนักในพื้นที่ ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ในวันที่ 13 -14 เมษายนนี้
ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก แต่ถึงอย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังคงต้องประเมินสถานการณ์หน้างานวันต่อวัน แล้วต้องแก้ไขสถานการณ์หากมีฝนตกในพื้นที่จริง
ผู้สื่อข่าวกรุงเทพมหานคร ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน