ภรรยาช่างเชื่อมเหล็ก 1 ในผู้เสียชีวิตตึกถล่ม เล่าทั้งน้ำตา ไม่มีโอกาสใช้ชีวิตบั้นปลายหลังเกษียณกับสามี ทำได้เพียงนำร่างกลับคืนครอบครัวสามี

ภรรยาช่างเชื่อมเหล็ก 1 ในผู้เสียชีวิตตึกถล่ม เล่าทั้งน้ำตา ไม่มีโอกาสใช้ชีวิตบั้นปลายหลังเกษียณกับสามี ทำได้เพียงนำร่างกลับคืนครอบครัวสามี

ภรรยาช่างเชื่อมเหล็ก 1 ในผู้เสียชีวิตตึกถล่ม เล่าทั้งน้ำตา ไม่มีโอกาสใช้ชีวิตบั้นปลายหลังเกษียณกับสามี ทำได้เพียงนำร่างกลับคืนครอบครัวสามี ยอมรับเหล็กของตึกบาง แต่ไม่ทราบรายละเอียด

ทางด้านของนางสาวณัฐนันท์ แก้วไกยสิทธิ์ อายุ 49 ปี ภรรยาของ นายนอย ธิชะ อายุ 53 ปี 1 ในผู้เสียชีวิตจากเหตุสำนักงานตรวจเงินแผ่นดินถล่ม บอกเล่ากับทีมข่าวทั้งน้ำตาว่า ในตอนที่เกิดเหตุนั้นตนเองไม่เชื่อว่าตึกที่สามีทำงานอยู่ถล่มลงมา หลังจากนั้นมีคนมาบอกกับตนว่าตึกทำงานของสามีถล่ม ตนเองจึงพยายามติดต่อสามีไปในประมาณ 13:36 น. แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ตอนนั้นตนเองจึงรู้สึกไม่สบายใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อเดินทางไปถึงที่เกิดเหตุเห็นสภาพของตึกที่ถล่มลงมาแล้วตนเองก็ยังมีความหวังว่าสามีน่าจะปลอดภัย แต่อีกใจหนึ่งก็หวั่นว่าสามีจะเสียชีวิตเพราะตัวของสามีตนทำงานอยู่บริเวณชั้นบนของตึกดังกล่าว แต่หลังจากนั้นปาฏิหาริย์ก็ไม่มีจริง ตนเองเห็นรายชื่อผู้เสียชีวิตในเฟสบุ๊ค และพบว่ารายชื่อดังกล่าวมีชื่อของสามีตนอยู่ด้วย ยอมรับว่าในหลังจากที่เห็นรายชื่อก็รู้สึกใจสลาย จึงรีบเดินทางมาที่นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ เพื่อยืนยันว่าศพดังกล่าวเป็นสามีจริง

นอกจากนั้นนางสาวณัฐนันท์ ยังบอกกับทีมข่าวอีกว่า ก่อนเกิดเหตุคล้ายกับมีลางสังหรณ์ เพราะตัวของสามีก่อนที่จะออกไปทำงานในที่เกิดเหตุนั้นแต่งตัวผิดไปจากปกติ จากที่เคยใส่ชุดทำงานเจ้าตัวกลับใส่ชุดไพรเวทที่ชอบไปแทน และสามีก็ยังมีนัดกับตนว่าในเย็นวันนั้นจะมีการมากินหมูกระทะด้วยกัน ซึ่งเป็นการพูดครั้งสุดท้ายในช่วงเวลาประมาณ 11:45 น. ของวันที่เกิดเหตุ แต่หลังจากนั้นตนเองก็ไม่สามารถติดต่อสามีได้อีก

โดยที่ผ่านมาสามีของตนจะทำหน้าที่เชื่อมเหล็กในตึกที่เกิดเหตุ แต่สามีไม่เคยมาเล่าปัญหาเรื่องที่ทำงานให้ฟัง รวมทั้งตนเองก็จะไม่ถามปัญหาที่ทำงาน ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่าอุบัติเหตุครั้งนี้น่าจะเกิดจากปัญหาของเหล็กที่สามีทำ แต่ตนเองก็ยอมรับว่าเหล็กที่เห็นหลังจากตึกถล่มลงมาค่อนข้างจะบาง แต่ตนเองไม่ขอพูดในรายละเอียดเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาระหว่างตนเองและสามีมีแต่การพูดคุยกันถึงเรื่องอนาคต โดยตนเองจะเป็นคนผ่อนบ้าน และสามีจะเป็นคนผ่อนรถ ซึ่งในอนาคตตนเองมีการวางเอาไว้ว่า จะเก็บเงินให้ได้สักก้อนแล้วจะย้ายไปอยู่ที่จังหวัดน่านด้วยกัน แต่ในวันนี้ไม่สามารถทำอย่างที่พูดได้แล้ว ตนทำได้เพียงนั่งรถไปกับเจ้าหน้าที่กู้ภัยเพื่อนำร่างของสามีกลับไปส่งที่บ้านเกิดใน ต.ป่าแลวหลวง อ.สันติสุข จ.น่าน เพื่อให้ครอบครัวของสามีได้ทำพิธีตามศาสนา

ซึ่งในวันนี้หลังจากที่นิติเวชสามารถยืนยันว่าผู้เสียชีวิต ทั้ง 4 รายเป็นใคร ญาติของผู้เสียชีวิตก็ต่างทยอยเข้ามาติดต่อเพื่อขอรับศพนำส่งกลับภูมิลำเนา โดยได้การสนับสนุนจากมูลนิธิร่วมกตัญญูจะนำร่างของผู้เสียชีวิตส่ง ภูมิกลับภูมิลำเนาฟรี 

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ