คืบหน้าเหตุตึกถล่มจากแผ่นดินไหว โดย ไทด์ เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เปิดเผยว่า อุปกรณ์การขุดเจาะส่วนใหญ่เป็นของภาคเอกชนที่ต่างกันมาช่วยกัน ส่วนของมูลนิธิร่วมกตัญญูส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องจักรหนัก โดยตอนนี้ชุดค้นหาได้แบ่งกำลังเป็น 3 ทีม โดยจุด A ทีมที่ 1 จะเป็นทีมของนายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์, จุด B จะเป็นของเจ้าหน้าที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย, และจุด C จะเป็นทีมของเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู

สำหรับการค้นหาในวันนี้ตลอดทั้งวัน ในจุด A และ จุด B เจอสัญญาณชีพจรผู้รอดชีวิตอย่างน้อย 3 จุด มาจากสองจุดนี้ แต่ยังไม่สามารถช่วยเหลือออกมาได้ อีกทั้งสองจุดนี้ชุดค้นหาสันนิษฐานว่าน่าจะมีทางเชื่อมถึงกัน ซึ่งชุดค้นหาพยายามจะขุดเจาะไปแล้ว 4 เมตร แต่เจ้าหน้าที่ตรงจุด B แจ้งว่าให้หยุดก่อน เพราะเกรงว่าถ้าขุดไปมากกว่านี้อาจจะเกิดอันตรายกับเจ้าหน้าที่ได้

ส่วนตรงจุด C เชื่อว่าน่าจะมีเคสดำอย่างน้อย 3-4 ราย โดยตรงจุดนี้ส่วนใหญ่จะเป็นปล่องลิฟท์ แต่ก็ยังมีความหวังว่าจะพบผู้รอดชีวิตจากจุดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ชุดค้นหาก็เจอผู้รอดชีวิตจากจุดนี้เช่นเดียวกัน

สำหรับการค้นหาในช่วงกลางคืน ยอมรับว่ามีความลำบากยิ่งกว่าตอนกลางวัน เพราะด้วยความมืดภายใน ถึงแม้ว่าจะมีรถปิดเครื่องปั่นไฟจากการไฟฟ้านครหลวงมาช่วยใช้ไฟส่อง แต่ก็ไม่สว่างเท่ากตอนกลางวัน

สุดท้ายนี้ ไทด์ยังบอกอีกว่า เจ้าหน้าที่จะเดินหน้าค้นหาต่อไป พร้อมกับภาวนาให้เกิดปาฏิหาริย์

ด้านเพจ Drama-addict เผยว่า เคสนี้น่าสนใจ พี่ไทด์เล่าว่ามีเคสที่ถูกตึกทับ ตอนแรกพูดคุยได้ปรกติ พอดึงออกมาก็นิ่งไปเลย หัวใจหยุดเต้น ดีที่หมอช่วยไว้ได้

เคสนี้ตรงตามตำราเป๊ะเลยกรณีแบบนี้เรียกว่า crush injury จะเกิดกับกรณีเคสคนเจ็บที่ถูกตึกทับ อาคารถล่ม เหมือนถล่ม หรือถูกของหนักๆทับไว้เป็นชั่วโมง สาเหตุคือ พอร่างกายถูกกดทับไว้นานๆ เซลล์เนื้อเยื่อตรงนั้นจะตาย ทำให้พวกแร่ธาตุในเซลล์ โดยเฉพาะโพแทสเซียมออกมานอกเซลล์ แต่โพแทสเซียมตรงนั้นยังไม่หมุนเวียนเข้ากระแสเลือด เพราะถูกกดทับเอาไว้อยู่ พอเอาของหนักๆที่กดทับไว้ออก เลือดที่เต็มไปด้วยโพแทสเซียมและของเสียต่างๆจากเซลล์ที่ตาย ก็จะไหลเวียนเข้าสู่กระแสเลือดทันที

ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ช็อค และเสียชีวิตได้ทันที เคสแบบนี้ก่อนจะดึงออกมาต้องมี แพทย์ พยาบาล พาราเมดิค เตรียมพร้อมในฟิลด์เลย เพราะอาจจะตายทันทีหลังดึงออกมาได้