ปูพรมตรวจคาราโอเกะ-บาร์โฮสต์ ทั่วกรุง รวบต่างด้าวลักลอบทำงานเกินครึ่งร้อย

ปูพรมตรวจคาราโอเกะ-บาร์โฮสต์ ทั่วกรุง รวบต่างด้าวลักลอบทำงานเกินครึ่งร้อย

พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม. สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดยกระดับการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม โดยเฉพาะความผิดที่เกี่ยวกับคนเข้าเมืองและชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบหลักของ สตม. โดยกำชับให้เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบบังคับใช้กฎหมาย  โดยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่รับผิดชอบงานสืบสวนเน้นลงพื้นที่ X-RAY สถานประกอบการที่มีความล่อแหลม สุ่มเสี่ยงที่จะเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ค้าประเวณี ค้าหญิงและเด็ก หรือบังคับใช้แรงงาน ให้มีผลการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา

ทางด้าน พล.ต.ต.ปรัชญา ประสานสุข รอง ผบช.สตม. และ พล.ต.ต.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง 1 ขานรับนโยบาย โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.พลสิทธิ์ สุทธิอาจ ผกก.สืบสวน บก.ตม.1 รับผิดชอบงานพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้ร่วมกันประชุมสั่งการกำหนดเป้าหมายโดยเน้นไปที่ ร้านคาราโอเกะ ร้านจำหน่ายสุรา บาร์โฮสต์ สถานบันเทิงยามราตรีขนาดกลางทั่วกรุงเทพมหานคร ซึ่งจากแนวทางการสืบสวนพบว่ามีแนวโน้มที่จะพบการกระทำความผิดในลักษณะการจ้างแรงงานต่างด้าวทำงานโดยผิดกฎหมาย

เมื่อถึงเวลานัดหมายเมื่อกลางดึกของวันที่ 24 มีนาคม 2568 ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 25 มีนาคม 2568  เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองมากกว่า 40 นายได้กระจายกำลังปูพรมตรวจสอบสถานประกอบการเป้าหมายมากกว่า 10 แห่ง ทั่วกรุงเทพมหานคร เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจพบสถานประกอบการส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นห้องทึบ ขนาด 1-2 คูหา บางแห่งมีการกั้นเป็นห้องส่วนตัวแบบห้องวีไอพี มีเวทีและจอคาราโอเกะสำหรับร้องเพลง หรือแสดงการละเล่นต่างๆ และให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยมีหญิงสาวจำนวนมากกำลังให้บริการ เอนเตอร์เทน ชงเครื่องดื่มและร่วมร้องเพลงกับลูกค้า

สถานประกอบการบางแห่ง ได้แก่ร้าน โฮม คาราโอเกะ มีลักษณะเป็นบาร์โฮสต์ คือมีบริกรเพศชายจำนวนนับสิบรายกลังทำหน้าที่ให้บริการและสร้างความสนุกสนานด้วยการเต้น และร่วมดื่มเครื่องดื่มกับกลุ่มลูกค้าสุภาพสตรี โดยเจ้าหน้าที่ได้แสดงตัวและแสดงบัตรเจ้าพนักงานตำรวจ และบัตรเจ้าพนักงานตรวจสอบแรงงาน ขอตรวจสอบเกี่ยวกับการจ้างคนต่างด้าวทำงาน โดยขอความร่วมมือให้เปิดไฟ และปิดเสียงเพลงเพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ

ผลการตรวจสอบ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติลาวเพศทั้งชายและหญิง ลักลอบทำงานในสถานประกอบการดังกล่าว จำนวนหลายสิบคนชาย และพบบางส่วนเป็นหญิงสาวชาวเวียดนาม ซึ่งส่วนใหญ่มีหนังสือเดินทางและเข้ามาในราชอาณาจักรโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่ได้รับการผ่อนผันการตรวจลงตรา ประเภท ผ.60-ม.17 เข้ามาทางด่านชายแดน จ.ที่มีเขตติดต่อประเทศลาว การอนุญาตยังไม่สิ้นสุด ไม่พบว่ามีใบอนุญาตทำงานแต่อย่างใด เนื่องจากประเภทวีซ่าดังกล่าว ไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะสามารถยื่นคำขอมีใบอนุญาตทำงานได้ แต่บางรายอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด หรือไม่มีหนังสือเดินทางแต่ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรเพื่อทำงาน โดยมีบางราย หลบหนีเข้าเมือง และ อยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด โดยที่ร้านนี้เจ้าหน้าที่ยังได้จับกุม นายจ้างสัญชาติไทยด้วย

สรุปผลของปฏิบัติการดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สืบสวน บก.ตม.1 จับกุม บุคคลต่างด้าวสัญชาติลาวรวม 50 ราย และสัญชาติเวียดนาม 4 ราย ในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ในจำนวนนี้มีบุคคลต่างด้าวสัญชาติลาวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (OVERSTAY) 2 ราย และลักลอบหลบหนีเข้าเมือง 5 ราย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังได้จับกุม และแจ้งข้อกล่าวหานายจ้างคนไทย ฐานรับคนต่างด้าวเข้าทำงานโดยคนต่างด้าวนั้นไม่มีใบอนุญาตทำงานอีก 1 ราย รวมจำนวนผู้ถูกจับกุมในปฏิบัติการครั้งนี้ถึง 58 ราย

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ