รวบอดีตนักการเมืองท้องถิ่นรับจำนำรถ-ปืน

รวบอดีตนักการเมืองท้องถิ่นรับจำนำรถ-ปืน

วันนี้ 26 มีนาคม 2568 จากกรณีสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมกก.วิเคราะห์ข่าฯ บก.สอท.3 ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่า มีอดีตนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งในพื้นที่เมืองขอนแก่น มีพฤติกรรมปล่อยเงินกู้ รวมทั้งรับจำนำรถยนต์และอาวุธปืนโดยผิดกฎหมาย จึงได้ร่วมกันสืบสวนจนทราบว่าบุคคลดังกล่าวคือ นายศักดิ์ชาย หรือ เอส อายุ 54 ปี จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลแขวงขอนแก่นเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายจำนวน 2 จุด ดังนี้

จุดที่ 1 บ้านพักในพื้นที่ ม.7 ต.สาวะถี  อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น

ผลการตรวจค้น พบนายเอส อายุ 54 ปี ภายในบ้าน พร้อมด้วยอาวุธปืนพกสั้น ขนาด 9 มม. จำนวน 2 กระบอก และเครื่องกระสุนปืน จำนวน 54 นัด ถูกซุกซ่อนไว้บริเวณช่องเก็บของข้างโซฟานั่งเล่นภายในบ้านของผู้ต้องหา และตรวจพบหนังสือสัญญาจำนำรถ, เอกสารหลักฐานค้างจ่ายค่าจำนำรถ, เอกสารการค้างจ่ายที่ยังไม่ถึงกำหนด และกระดานไวท์บอร์ดที่มีข้อมูลการจดรายการจำนำรถอยู่ภายในห้องนอนชั้น 1 ส่วนบริเวณภายนอกบ้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบรถยนต์ โตโยต้า ฟอจูนเนอร์ สีขาว ถูกจอดไว้ในโรงรถ จำนวน 1 คัน

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่าอาวุธปืนดังกล่าวไม่ใช่ของนายเอส โดยเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นของคนอื่นที่นำมาฝากไว้กับตน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ตรวจสอบและสืบสวนขยายผลอาวุธปืนดังกล่าวต่อไป

ส่วนเอกสารที่ตรวจพบ นายเอส ยอมรับว่าเอกสารดังกล่าวเป็นของตนเองจริง โดยเก็บไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามทวงเงินจากลูกหนี้ ส่วนรถยนต์ โตโยต้า ฟอจูนเนอร์ ผู้ต้องหารับว่าเป็นรถยนต์ที่ชาวบ้านนำมาจำนำไว้ ตนจึงได้นำมาใช้ขับขี่เป็นประจำ  

จุดที่ 2 ที่โกดังไม่มีเลขที่ ม.19 ต.สาวะถี อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น (ห่างจากจุดที่ 1 ประมาณ 3 กม)   พบว่าเป็นโกดังที่ถูกปิดล้อมด้วยแผ่นสังกะสี ตรวจค้นภายใน พบพบรถยนต์ที่นายเอส รับจำนำจากประชาชนทั่วไปอีก จำนวน 17 คัน (รวมที่ตรวจพบที่บ้านอีก 1 คัน เป็นจำนวน 18 คัน)

เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อกล่าวหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, และ จัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต” โดยผู้ต้องหายอมรับว่ารถยนต์ทั้ง 18 คัน เป็นรถยนต์ของบุคคลอื่นที่ได้นำมาจำนำไว้กับตน โดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน หรือร้อยละ 120 ต่อปี โดยให้ผู้กู้นำรถยนต์ มาวางเป็นทรัพย์สินค้ำประกันไว้ โดยตนเองไม่มีเอกสารจัดตั้งโรงรับจำนำแต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงนำตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ