หลังจากที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ สรุปจะแจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท เฟส 3 ให้กับวัยรุ่นช่วงอายุ 16-20 ปี โดยคณะกรรมการบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ จะนำเสนอเข้าที่ประชุม ครม.ภายในเร็วๆ นี้

เหตุผลที่ให้กลุ่ม 16-20 ปี ก่อนเพราะเป็นกลุ่มมีความรู้ด้านเทคโนโลยีสูง อยู่ในวันเรียน เพื่อซื้อของจำเป็น คาดว่าจะจ่ายเงินลงไปถึงมือได้ภายในปลายไตรมาส 2 ปีนี้ หรือต้นไตรมาสที่ 3 ปีนี้ รูปแบบการรับเงิน ในรูปแบบดิจิทัล ผ่านระบบ Payment จำนวน 10,000 บาท ดังนั้นให้โหลดแอปทางรัฐ รอไว้เลย มีขั้นตอนดังนี้

สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันทางรัฐโดยค้นหาคำว่า “ทางรัฐ” ได้ทั้งระบบ IOS และ Android ผ่าน App Store หรือ Google Play

ทั้งนี้ มีข้อสงสัยว่า กลุ่ม อายุ 16-20 ปี มีเกณฑ์อะไรบ้างที่จะได้รับเงิน ตรวจสอบเกณฑ์ดังนี้

- อายุ 16-20 ปี ที่ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐ สำเร็จ เท่านั้น

- มีรายได้ปีภาษี 2566 ไม่เกิน 840,000 บาท

- มีเงินฝากกับธนาคาร ณ 31 มี.ค. รวมกันไม่เกิน 500,000 บาท

- ไม่อยู่ระหว่างต้องโทษจำคุกในเรือนจำ

- ไม่เคยฝ่าฝืน ถูกระงับสิทธิ์ หรือ ถูกเรียกเงินคืน จากมาตรการหรือโครงการอื่นๆ ของรัฐบาล

ส่วนกรณีดรามาเกี่ยวกับการใช้จ่าย ไม่สามารถนำไปจ่ายค่าเทอม แต่กลับใช้จ่ายซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ หรือ บุหรี่ได้นั้น นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาชี้แจง รัฐบาลไม่ได้กำหนดรายการสินค้าต้องห้าม (Negative List) แต่ใช้เกณฑ์ขนาดของร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการเป็นตัวกำหนดแทน รัฐบาลไม่มีเจตนาให้เยาวชนนำเงินดิจิทัลไปใช้ซื้อสินค้าประเภทเหล้าและบุหรี่โดยตรง เช่น การซื้อจากร้านขายเหล้า หรือร้านขายบุหรี่โดยเฉพาะ แต่หากกำหนดรายการสินค้าที่ห้ามซื้อ อาจทำให้เกิดความไม่สะดวกในการใช้จ่ายสำหรับประชาชน รัฐบาลจึงเลือกใช้เกณฑ์ขนาดร้านค้าแทน

บางร้านขายสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นหลัก เช่น ร้านขายของชำ ซึ่งอาจมีมุมเล็ก ๆ สำหรับขายเหล้าหรือบุหรี่ หากไปห้ามร้านประเภทนี้ไม่ให้เข้าร่วมโครงการเลยอาจกระทบกับการใช้จ่ายของประชาชนโดยรวม ดังนั้นรัฐบาลจึงกำหนดให้ร้านค้าขนาดเล็กที่มีสินค้าเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของร้านสามารถเข้าร่วมโครงการได้ แต่ร้านที่ขายสินค้าเหล่านี้เป็นหลักจะไม่ได้รับสิทธิ์เข้าร่วม

ส่วนประเด็นที่เงินดิจิทัลเฟส 3 ไม่สามารถนำไปใช้จ่ายค่าเทอมโดยตรงได้นั้น นายพิชัย ชี้แจงว่า รัฐบาลมีแนวคิดให้เงินจำนวนนี้ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ด้านอุปโภคบริโภคของครัวเรือน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ปกครองมีเงินเหลือ เพื่อนำไปใช้จ่ายค่าเทอมได้มากขึ้น