นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึง กระแสวิพากษ์วิจารณ์เงินดิจิทัลเฟส 3 แจกดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่าเอาไปซื้อบุหรี่ สุราได้ แต่ไม่สามารถนำไปจ่ายค่าเทอมได้ว่า ความตั้งใจของรัฐบาลไม่ได้ให้ไปซื้อสุราจากร้านขายสุรา หรือซื้อทองที่ร้านขายทอง ยังมีบางร้านที่ขายของ 90% แต่มีมุมเล็กๆ ขายของเหล่านี้นั้น การจะบอกว่าห้ามเข้าร้านแบบนี้เลยก็จะเหนื่อย

หากมีการกำหนดประเภทสินค้าต้องห้าม (Negative List) ก็อาจจะไม่สะดวกสำหรับประชาชนในการใช้จ่าย ดังนั้นรัฐบาล จึงได้กำหนดเป็นประเภทร้านค้า ที่จะเข้าร่วมโครงการแทน

บางร้านค้า ขายสินค้าอุปโภคบริโภค 90% แต่อาจจะมีมุมเล็ก ๆ ที่ขายเหล้า-บุหรี่ด้วย ดังนั้นถ้าหากเราไปห้าม ไม่ให้เข้าร้านประเภทนี้เลยก็อาจจะเหนื่อย จึงมากำหนดเป็นขนาดร้านค้าแทน ซึ่งร้านที่ขายสินค้าเหล่านี้โดยเฉพาะ เราก็ไม่ให้เข้า แต่สุดท้ายหากบังเอิญว่าร้านนั้น เช่น ร้านขายของชำ มีมุมขายบุหรี่เล็ก ๆ อยู่ในร้าน แต่ไม่ได้ขายบุหรี่เป็นเรื่องเป็นราว แบบนี้ก็โอเค นายพิชัย กล่าว

นายพิชับ กล่าวเพิ่มเติมถึงกรณีที่เงินดิจิทัลเฟส 3 ไม่สามารถนำเงินไปจ่ายค่าเทอมได้โดยตรงนั้นว่า การให้เงินดิจิทัลเฟส 3 ก็เหมือนกับรัฐบาลให้เงินผู้ปกครองไปจ่ายค่าเทอมได้ในทางอ้อม ถ้าผู้ปกครองบริการใช้เงินดิจิทัลได้โดยนำไปใช้จ่ายในสินค้าอุปโภคบริโภค ก็จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายส่วนนี้ได้ สุดท้ายก็จะทำให้มีเงินไปจ่ายค่าเทอมได้มากขึ้นนั่นเอง ถือว่าเป็นเงินก้อนเดียวกัน

พร้อมระบุว่า ในระยะยาว รัฐบาลอยู่ระหว่างการเร่งพัฒนาระบบในแอปพลิเคชัน “ทางรัฐ” ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อข้อมูลจนสามารถรู้ได้ว่าสินค้าที่ประชาชนซื้อเป็นประเภทไหน ซึ่งจะช่วยให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่วันนี้ต้องยอมรับว่าระบบดังกล่าวยังไม่ครอบคลุม จำเป็นต้องค่อย ๆ พัฒนาระบบกันต่อไป

สรุป เงื่อนไขเงินดิจิทัล 10,000 บาท เฟส 3

ใช้ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคในร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ

ไม่สามารถใช้จ่ายในร้านที่ขายสุรา บุหรี่ ทอง และเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเฉพาะ

ไม่สามารถใช้จ่ายค่าเทอมโดยตรง แต่สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แทน

รัฐบาลพัฒนาระบบ "ทางรัฐ" ให้แม่นยำขึ้น แต่ยังไม่สมบูรณ์ในขณะนี้