
พ่อเลี้ยง ด.ญ. 10 ขวบ ทนไม่ไหว หลังโดนจับพิรุธ ประกาศชัดมีหลักฐานเด็ด ลูกถูกชาย 3 คนขืนใจ ลั่นไม่ไว้ใจใคร
จากกรณีแม่ของ เด็กหญิงวัย 10 ขวบ ถูกชาย 3 คน ลวงไปขืนใจ บริเวณสะพานข้ามคลอง ข้างโรงเรียน หนองประดู่ ตำบลห้างสูง อำเภอหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี นั้น
ที่ สภ.หนองใหญ่ จ.ชลบุรี ตำรวจชุดสืบสวนได้พา นายบี (นามสมมติ) พ่อเลี้ยงมาที่ห้องพักแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ภายในตำบลหนองอิรุณ อำเภอบ้านบึง จังหวัดชลบุรี เพื่อเก็บหลักฐานเพิ่มเติม อีกครั้ง
โดยนายบี (นามสมมติ) พ่อของเด็กหญิง อายุ 10 ขวบ เปิดใจถึงความกังวลที่เกิดขึ้น หลังจากสังคม พุ่งเป้ามาที่คนในครอบครัว คาดว่า เป็นคนทำให้น้องบาดเจ็บ เนื่องจาก มีกระแสข่าวว่า ตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้วไม่พบเห็นชายทั้ง 3 คน
นายบี (นามสมมติ) กล่าวว่า ตอนนี้ตัวเองและคนในครอบครัวรู้สึกเครียดมาก เพราะว่ากระแสสังคมพุ่งเป้ามาที่พ่อกับแม่ โดยยืนยันว่าเรามีไทม์ไลน์ในช่วงที่เกิดเหตุ เพราะตัวเองไม่ได้อยู่บ้าน และถ้าหากทำจริง การใช้ไม้แทงแบบนั้น เด็กจะต้องร้องเสียงดังจนคนแถวบ้านได้ยินหรือไม่
ส่วนภาพที่ตัวเองได้ส่งให้ตำรวจนั้น เป็นการสันนิษฐานจากที่ตัวเองที่เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียน คาดว่าอาจจะเกิดที่นี่ก็ได้ จึงได้ถ่ายคลิปนี้ เพื่อเอาไปถามลูกว่าเกิดขึ้นบริเวณดังกล่าวจริงหรือไม่ แต่ไม่คิดว่าจะเป็นข่าวขนาดนี้
ทีมข่าวมีโอกาสพูดคุยกับทางพ่อเลี้ยง ทีมข่าวได้มีการตั้งคำถามว่า ทำไมพอเด็กถึงสามารถชี้แต่ละจุด อย่างกับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าอะไรเกิดขึ้นกับเด็กบ้าง พ่อเลี้ยง ชี้แจงว่า เพราะตนเองเคยเรียน ที่โรงเรียนที่ลูกเลี้ยงเคยเรียนมาก่อนจึงรู้จุดต่างๆ สาเหตุที่ ตนเองถึงไม่เดินทางไปแจ้งความ เพราะตนเองไม่ใช่เพราะแท้ๆ กลัวไป แล้วจะแจ้งความไม่ได้
ถามต่อว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดที่แม่มารับลูกออกไปจากโรงเรียน ช่วงเวลาประมาณ 4 โมงเย็นของวันที่ 11 กุมภาพันธ์นั้น จะเห็นว่าน้องนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์แม่ มีหลายคนสงสัยว่าถ้าหากน้องบาดเจ็บ ทำไมถึงนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ได้ โดยยืนยันว่าที่เห็นน้องนั่งแบบนั้น ไม่ใช่ว่าเขาไม่เจ็บ เขาเจ็บแต่อดทนอยู่ และคิดว่าตัวเองทำผิดแล้วกลัวจะโดนด่า จึงไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับใคร
ส่วนช่วงเช้าวันที่ 12 กุมภาพันธ์ น้องก็ไปวิ่งเล่นอยู่กับหลานตัวเอง ซึ่งในตอนนั้นหลาน ก็บอกว่าน้องมีอาการบาดเจ็บ บ่นเจ็บตลอด และเข้าออกห้องน้ำเพื่อชำระเลือดตัวเอง ส่วนกระแสข่าวที่บอกว่าทำไมถึงไม่แจ้งความตั้งแต่แรก อยากจะชี้แจงว่า ตัวเองเป็นเพียงแค่พ่อเลี้ยง อำนาจในการแจ้งความจะต้องเป็นแม่ของเขาเท่านั้น
ต่อมา ทีมข่าวได้ตั้งประเด็นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ โดยพ่อยืนยันว่า แม่ไปทำงานช่วงเวลา 07:00 น. ส่วนพ่อไปทำงานเวลา 08:30 น. คุณพ่อได้แย้งกับผู้สื่อข่าวไปว่า ก่อนหน้านี้ ที่มีการนำเสนอว่า ลูกสาวอยู่กับตนเอง 1 ชั่วโมง 30 นาที เรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เพราะวันที่ 12 ครูที่โรงเรียนได้เดินทางมารับลูกสาวไป ตั้งแต่ช่วงเวลา 06:00 น. (แต่ทั้งนี้ทีมข่าว ตั้งข้อสงสัยไว้ว่า วันที่ 12 กุมภาพันธ์ เป็นวันพระใหญ่(วันมาฆบูชา) ซึ่งเป็นวันที่โรงเรียนปิด พร้อมทั้งวันดังกล่าวยังไม่มีใครรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตัวเด็กถูกกระทำแล้ว)
ทั้งนี้ พ่อเลี้ยง ขอยืนยันว่า ไม่ได้เกี่ยวข้อง เพราะว่า ช่วงที่เกิดเหตุ ตัวเองไม่ได้อยู่ที่บ้านเลย และตอนนี้น้องก็อาการดีขึ้นแล้ว สามารถพูดคุยและบอกรูปพรรณสัณฐานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้
อย่างไรก็ตาม ตอนที่ได้ยินข่าวว่า กระแสตีกลับมุ่งเป้ามาที่ครอบครัว ยอมรับว่า เครียดและหนักใจ เพราะตัวเองก็เป็นพ่อเลี้ยง ก็เลี้ยงน้องมาตลอด ตอนแรกที่รู้ ก็เสียใจ โกรธ ใจสั่นมาก ไม่คิดว่าจะทำกันได้ขนาดนี้ และอยากจะบอกสังคมว่ารักลูก ไม่มีทางทำแบบนั้นแน่นอน
ทั้งนี้ ตัวเองมีคลิปเสียงในช่วงที่ลูกสาวเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งยังไม่ได้มอบคลิปเสียงนี้ให้กับตำรวจ เนื่องจากตอนนี้ไม่ไว้ใจใครเลย จึงเก็บคลิปเสียงนี้ไว้ เพื่อป้องกันตัวเอง แต่หลังจากนี้ ก็จะต้องมอบให้กับทางตำรวจ