ธนาคารกสิกรไทย เตรียมส่งแจ้งเตือนผู้ใช้แอปฯ เครือ KBank ชื่อเจ้าของ Mobile Banking ไม่ตรงกับซิม รีบแก้ไขก่อน 30 เม.ย.นี้

ธนาคารกสิกรไทย เตรียมส่งแจ้งเตือนผู้ใช้แอปฯ เครือ KBank ชื่อเจ้าของ Mobile Banking ไม่ตรงกับซิม รีบแก้ไขก่อน 30 เม.ย.นี้

จากกรณีกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ประกาศมาตรการยกระดับความปลอดภัยในการใช้ Mobile Banking เพื่อตัดวงจร “บัญชีม้า” และป้องกันอาชญากรรมออนไลน์ โดยชื่อผู้ใช้งานต้องตรงกับชื่อเจ้าของซิมมือถือ ป้องกันการใช้ซิมที่ไม่ระบุตัวตนในการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ล่าสุดวันที่ 6 ก.พ.68 ทางธนาคารกสิกรไทย ได้ประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊ก KBank Live แจ้งลูกค้า โดยระบุข้อความว่า ตามมาตรการยกระดับความปลอดภัย การใช้งาน Mobile Banking ให้ชื่อผู้ใช้งานตรงกับชื่อเจ้าของซิมมือถือ ลูกค้าที่อยู่ในกลุ่มที่ต้องดำเนินการที่ใช้บริการ K PLUS / K PLUS SME/ LINE BK / MAKE by KBank จะได้รับแจ้งวิธีการผ่านช่องทางที่ท่านใช้บริการ ตั้งแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไปและต้องดำเนินการภายในวันที่ 30 เม.ย. 2568 ลูกค้าที่ไม่ได้รับแจ้ง ยังไม่ต้องดำเนินการใด ๆ และสามารถใช้งานบริการดังกล่าวได้ตามปกติ กลุ่มลูกค้าที่ต้องดำเนินการภายในวันที่ 30 เม.ย. 2568 คือ กลุ่มที่เปิดใช้บริการโมบายแบงก์กิ้งตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา และเข้า 2 เงื่อนไขนี้

1.กลุ่มผู้ใช้งาน K PLUS / K PLUS SME / LINE BK / MAKE by KBank ที่ตรวจหมายเลขโทรศัพท์มือถือไม่พบชื่อเจ้าของซิม หรือ

2.กลุ่มชาวต่างชาติที่หมายเลขโทรศัพท์มือถือมีชื่อเจ้าของซิมไม่ตรงกับชื่อผู้ใช้งาน K PLUS / K PLUS SME / LINE BK / MAKE by KBank ทั้งนี้ หากมีข้อสงสัย สอบถามเพิ่มเติมที่ K-Contact Center 02-8888888 ตลอด 24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว โดยระบุว่า มาตรการนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง ปปง. ธปท. กสทช. สมาคมธนาคารไทย และสมาคมโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย เพื่อให้ชื่อผู้ใช้งาน Mobile Banking ตรงกับชื่อเจ้าของซิมมือถือ ป้องกันการใช้ซิมที่ไม่ระบุตัวตนในการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย

มาตรการตรวจสอบกลุ่มเป้าหมาย จากการตรวจสอบหมายเลขโทรศัพท์ กว่า 120 ล้านหมายเลข พบว่ามีการแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่

-กลุ่ม M (ชื่อเจ้าของซิม และ Mobile Banking ตรงกัน)– 75.8 ล้านหมายเลข (63.02%)

-กลุ่ม N (ชื่อเจ้าของซิม และ Mobile Banking ไม่ตรงกัน) – 30.9 ล้านหมายเลข (25.68%)

-กลุ่ม P (ไม่พบชื่อเจ้าของซิม/ไม่มีข้อมูล) – 13.5 ล้านหมายเลข (11.29%) โดยประชาชนในกลุ่ม N และ P จะได้รับการแจ้งเตือนผ่านแอป Mobile Banking ให้ปรับปรุงข้อมูลให้ถูกต้องภายใน 90 วัน (ภายในวันที่ 30 เมษายน 2568) ต้องติดต่อไปที่ศูนย์บริการค่ายโทรศัพท์มือถือที่ตนเองใช้บริการและนำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตน ไม่อย่างนั้นอาจถูกระงับการใช้งาน Mobile Banking ชั่วคราว แต่ยังสามารถใช้เงินได้อยู่ ผ่านทางธนาคารหรือบัตรเครดิต เพียงแต่ใช้ผ่านทาง mobile banking ไม่ได้ (ไม่มีส่งข้อความผ่านSMSหรือช่องทางอื่น)

ทั้งนี้ ธนาคารต่างๆจะเริ่มทยอยส่ง SMS ไปทาง Mobile Banking คาดจะส่งข้อความถึงผู้ใช้บริการทั้งหมดได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ