จับอีก ม้ารับเปิดบัญชี หลอกเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ให้โหลดแอปพลิเคชันดูดเงิน เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

จับอีก ม้ารับเปิดบัญชี หลอกเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ให้โหลดแอปพลิเคชันดูดเงิน เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอท.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.ประทีป จันทร์เพชรบุรี สว.กก.3 บก.ปอท., ร.ต.อ.ประมุข       ภิรมย์เจียว, ร.ต.ท.สุคนธ์ กองทอง รอง สว.กก.3 บก.ปอท., ด.ต.วรวุฒิ เหมาะเจาะ, ด.ต.วชิระ มูสิกะ,จ.ส.ต.ธีรศักดิ์ พรภักดี, ส.ต.ท.ยศพล เคียงสูงเนิน ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปอท. ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา น.ส.ราณี ฯ อายุ 40 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา 4815/2567 ลงวันที่ 30 ก.ย.67

พฤติการณ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอท.และศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (CIB AOC) ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากผู้เสียหายที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ โดยผู้เสียหายถูกหลอกลวงให้ติดตั้ง แอปพลิเคชันควบคุมระบบในเครื่องโทรศัพท์ผู้เสียหายได้รับโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แจ้งว่าจะมาเปลี่ยนมิเตอร์ไฟฟ้าที่บ้านของผู้เสียหาย หลังจากนั้นมีการส่งลิงก์ให้ผู้เสียหายให้ติดตั้งแอปพลิเคชันที่อ้างว่าเป็นแอปพลิเคชัน ของการไฟฟ้า โดยหลอกให้ผู้เสียหายทำตามขั้นตอนของผู้ต้องหาไปเรื่อยๆ และมีการสแกนใบหน้าพร้อมกับบัตรประชาชน

ต่อมาผู้เสียหายพบว่ามีข้อความแจ้งรหัส OTP จำนวนหลายครั้ง ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกหลอกลวงเนื่องจากมีเงินในบัญชีถูกโอนออกไปจำนวน 2 ล้านกว่าบาท  จากการสืบสวนสอบสวนพบบัญชีม้าที่รับเปิดบัญชีจำนวนมาก เชื่อว่าจะมีผู้เสียหายอีกหลายราย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจะได้ทำการสืบสวนขยายผล เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการทั้งหมดต่อไป การกระทำของผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม เป็นการกระทำความผิดในข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์โดยลวงว่าเป็นเจ้าพนักงาน , ร่วมกันใช้และมีไว้เพื่อนำออกใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นที่บัตรอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้ออกได้ออกให้แก่ผู้มีสิทธิ์ใช้ เพื่อประโยชน์ในการชำระค่าสินค้า ค่าบริการ หรือหนี้อื่นแทนการชำระด้วยเงินสด หรือใช้เบิกถอนเงินสด , ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน , ร่วมกันกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบเพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นระงับ ชะลอ ขัดขวางหรือรบกวน จนไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ เป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่น , โดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตนโดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1 (14) (16) , 269/5 , 269/6 , 269/7 และ 335(6)(7) ประกอบมาตรา 83 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 5 , 7 , 10 , 12/1 วรรคแรก และมาตรา 14(1) ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 และพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 มาตรา 9 ซึ่งทาง กก.3 บก.ปอท. จะได้รวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา แต่รับว่าตนเป็นเจ้าของบัญชีธนาคารซึ่งได้รับจ้างเปิดบัญชีแบบออนไลน์ โดยมีนายหน้าติดต่อชักชวน ได้รับค่าเปิดบัญชี บัญชีละ 1,000 บาท

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ