ปั๊ม ปตท.ยังไม่จบ หลานชายเจ้าของปั๊ม บุกต่อยคนงานแตกเย็บ4เข็ม คาบ้านพักย่า

ปั๊ม ปตท.ยังไม่จบ หลานชายเจ้าของปั๊ม บุกต่อยคนงานแตกเย็บ4เข็ม คาบ้านพักย่า

วันที่ 22 มกราคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากนางเปรมจิต(ป้าเปรม) กิ่งพิกุล ว่าเมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมานายวรรณพนธ์ (นาน) หลานชายนางเปรมจิต(ป้าเปรม) ได้บุกเข้ามาภายในบริเวณบ้านและมายกหม้อของป้าเปรมเอาออกไป(หม้อที่ใช้ทำอาหารในร้านขายข้าวแกง) และมีการทำร้ายพนักงานที่อยู่ภายในพื้นที่บ้านของป้าเปรมจนได้รับบาดเจ็บ มีแผลแตกบริเวณคิวขวา จนต้องเย็บไปถึง 4 เข็ม และได้เข้าไปภายในร้านขายอาหารภายในปั๊มเพื่อที่จะเอาเงินที่ขายได้ไปจึงได้เกิดยื้อแย่งกันจนทำให้นายนานได้ทำลายสิ่งของภายในร้านขายอาหาร และเมื่อวันที่ 20 มกราคม ได้มีนายสิทธิโชค (หนุ่ม) ซึ่งเป็นลูกชายของป้าเปรม และเป็นพ่อของนายนาน ได้มากับลูกน้องโดยถือเหล็ก มาที่ร้านขายของฝากของป้าเปรม ที่ถูกหลานปิดไม่ยอมให้ขาย ได้ทำการงัดที่ประตูร้าน แต่ได้มีพนักงานไปบอกป้าเปรมก่อน ที่จะงัดร้านได้ จากนั้นได้มีการโต้เถียงกันและป้าเปรมได้ถูกลูกน้องของลูกชายบีบไปที่แขนและข้อมือทำให้เกิดรอยเขียวช้ำ ซึ่งทั้ง 2 เหตุการณ์ได้มีการถ่ายคลิปเอาไว้

ทางด้านนางเปรมจิต(ป้าเปรม) กิ่งพิกุล อายุ 80 ปีเล่าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเนื่องจากว่าตนเองเปิดร้านอาหารไม่ได้ จากนั้นทางหลานชายได้เอาคนอื่นมาทำแทนตนเอง ตนเองเห็นว่าหม้อของตนที่อยู่ในร้านเป็นของตนเอง จึงได้ให้ลูกน้องไปเก็บมาไว้และล้างทำความสะอาด และนำไปเก็บจากนั้นนายนาน(หลานชาย)ได้ขับรถเข้ามา และเห็นว่าลูกน้องของตนเองกำลังยกหม้ออยู่ นายนานได้สั่งให้ลูกน้องของตนเองวางหม้อลง ขณะที่กำลังจะวางหม้อ นายนานได้เข้ามาชกที่ใบหน้าของลูกน้องตนเองเข้าที่เป้าตา และคิ้วแตกจนเลือดอาบต้องเย็บไปถึง 4เข็ม ซึ่งตนเองก็ได้เข้าไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองสระบุรี และเมื่อเย็นวันที่ 20 มกราคม นายหนุ่มลูกชายของตนเองได้พาลูกน้องถือเหล็กเข้ามางัดประตูที่ร้านขายเสื้อผ้าของตนเอง ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าเข้ามางัดทำไม ทำไมไม่มาบอกตนเองว่าจะเอาอะไรทำให้ของเสียหาย ซึ่งตนเองได้ยินจากลูกน้องว่าจะมาปิดไฟ ซึ่งถ้าปิดไฟทำไมไม่มาบอกตนเองก็จะเปิดประตูปิดไฟให้ ซึ่งทุกวันนี้ตนเองได้ถูกลูกชาย และหลานๆเข้ามาละลานตลอด กลางคืนก็เข้าเดินวนที่ตนเองนอนอยู่ ซึ่งตนเองก็ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองสระบุรีไว้เป็น 10ๆเรื่องก็ไม่เห็นเขาทำอะไรให้เรา ตนเองก็ไปแจ้งไว้หลายที่แล้วแม้กระทั้ง ปปช.ก็ไปที่กรุงเทพฯก็ไปก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น และในวันที่ 27 นี้ในเรื่องคดีที่ตนเองถูกลูกน้องของหลานวิ่งราวทรัพย์ และลูกน้องของตนเองที่เห็นเหตุการณ์ก็ถูกฟ้องว่าให้การเท็จ ส่วนเรื่องคดีที่เป็นข้อพิพาทกันนั้นตนเองได้ฟ้องศาลโดยศาลได้นัดในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ โดยตนเองได้ทำเรื่องขอคุ้มครองชั่วคราวไป โดยขอให้เปิดร้านของตนเองที่อยู่ภายในปั๊มน้ำมัน 3 ร้านซึ่งเป็นร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า และร้านขายของฝาก ซึ่งตนเองต้องการที่จะเปิดขายของ ซึ่งของของตนเองก็ได้รับความเสียหายไปมาก และถูกเอาไปขายก็มีแต่ก็ต้องตรวจเช็คดูก่อนว่าเขาเอาไปเท่าไร ซึ่งของในร้านเสื้อผ้าเสียหายเยอะและเป็นของที่มีราคาด้วย ป้าเปรมกล่าวเสริมว่าทุกวันนี้ตนเองต้องจ่ายเงินเดือนให้กับพนักงานที่อยู่กับตนเองโดยไม่ได้ทำงาน และไม่ยอมออกไปทำงานให้กับทางหลานชายประมาณเดือนละ 800,000บาทแต่ตนเองก็ต้องจ่ายให้เด็กเนื่องจากว่าพวกเด็กมีความรักในตัวของตนเอง และไม่อยากไอยู่กับเขาเนื่องจากว่าถูกข่มขู่มาตลอด ว่าจะคัดออกจากงาน ตนจึงสงสารและช่วยเหลือเด็กๆเนื่องจากว่าอยู่กันมานานจนเกิดความรักใคร่ห่วงใยกัน ซึ่งตนเองก็พร้อมที่จะจ่ายให้ ตอนนี้ก็มีเงินเหลืออยู่ประมาณสัก 2 กว่าล้านบาท ก็คงจะจ่ายได้สัก 2-3 เดือนถ้ายังไม่พอตนเองก็ยังมีทองอยู่อีกประมาณ200กว่าบาทก็คงจะต้องเอาไปขายให้ลูกน้อง ซึ่งตนเองก็คิดว่าในวันที่ 17 กุมภาฯนี้ถ้าศาลคุ้มครอง พวกลูกน้องก็คงจะได้ทำงานกันโดยเปิดร้านขายของก็น่าจะพออยู่ได้ ส่วนเรื่องที่เป็นข้อพิพาทก็รอให้ศาลตัดสินไป แต่ตนเองก็จะขอคุ้มครองแบบที่ว่าเอาเงินไปวางศาลคือขายได้เท่าไรหลังจากหักค่าใช้จ่ายแล้วเอาไปวางศาลไว้ ถ้าใครชนะก็เอาเงินที่วางศาลไป

ทางด้านนางสาวเอ(นามสมมติ) ลูกน้องป้าเปรม เล่าว่า ป้าได้ให้พนักงานไปเอาหม้อมาขัดซึ่งเป็นหม้อที่ป้าเก็บเอาไว้ตั้งนานแล้ว เพื่อให้เงาไม่ให้เก่าขณะที่กำลังจะยกหม้อไปเก็บ จากนั้นนายนานได้เข้ามาต่อยพนักงานอย่างที่เห็นในคลิป ซึ่งรอบแรกได้มีการเข้ามายกหม้อไปแล้ว 1 รอบและเข้ามาอีกครั้งซึ่งตนเองก็ไม่คิดว่าจะมีคนถูกต่อยเนื่องจากว่าไม่มีการทะเลาะอะไรกัน ส่วนสาเหตุที่มีนายหนุ่ม(ลูกชายป้า) เข้ามางัดประตูกันนั้น ตนเองคิดว่าเขาจะมางัดประตูเพื่อปิดไฟหรืออะไรไม่รู้ ซึ่งทางพวกตนเองก็ได้ฝากบอกคนแถวนั้นไว้ว่า ถ้าเขาจะปิดไฟหรืออะไรให้เข้ามาเอากุญแจที่ป้า แต่มีคนโทรมาบอกป้าว่ามีตนเข้ามางัดประตูป้าก็เลยออกดูตนเกิดมีปากเสียงกันขึ้น ซึ่งตอนนี้ตนเองก็ยังไม่ได้ทำงาน เนื่องจากว่าตนเองเป็นพนักงานขายก็ไม่รู้ว่าจะไปขายของตรงไหน เนื่องจากว่าไม่มีร้านให้ขาย ร้านก็ถูกปิด พนักงานตั้งหลายคนไม่มีที่ทำงานก็ต้องมาอยู่กันแบบนี้ แต่ทางป้าก็ยังจ่ายเงินเดือนให้อยู่ตามปกติทุกอย่างโดยไม่มีการหักอะไร    

  

ทางด้านนายหยอง พนักงานที่ถูกทำร้าย เล่าว่า หลักจากที่ตนเองขัดหม้อเสร็จและกำลังจะยกหม้อเข้าไปเก็บ จากนั้นนายนาน ได้เข้ามาพอดีและบอกว่า ขโมยหม้อ ขโมยหม้อ วางลงๆ ซึ่งตนเองก็งงว่าอะไรขโมยหม้อ และกำลังจะวางลงก็ถูกนายนานวิ่งเข้ามาต่อยตนเองเข้าที่ใบหน้าจนได้รับบาดเจ็บคิวแตกเย็บไปถึง 4 เข็มตาเขียวช้ำ ซึ่งตนเองก็ได้ไปแจ้งความไว้แล้วที่ สภ.เมืองสระบุรี ขณะที่ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านพักป้าเปรม พบว่าบ้านที่เคยเปิดเป็นออฟฟิตถูกปิด โดยรอบๆตัวบ้านมีป้ายปิดโดยมีข้อความว่า “ห้ามบุคลภายนอกเข้ามาในที่ดิน นางเปรมจิต โดยเด็ดขาด และที่ประตูทางเข้าออกมีการประกาศของ บริษัท คอฟฟี่วัน 2016 จำกัด โดยมีข้อความว่า  เรื่อง เตือนได้พนักงานปฏิบัติงานให้แก่บริษัทคามคำสั่งและหน้าที่ซึ่งได้รับมอบหมาย เรียน พนักงานของบริษัท คอฟฟี่วัน 2016 จำกัด ตามที่ท่านซึ่งเป็นพนักงานของบริษัท ซึ่งได้รับคำสั่งและได้รับมอบหมายจากบริษัท ให้ปฏิบัติงานในหน้าที่ ปรากฏว่าตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2567 - 11 มกราคม 2568 เป็นต้นมา ท่านไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ กรรมการของบริษัทได้มีคำสั่งและมอบหมายอันเป็นการจงใจฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับการทำงานและฝ่าฝืนคำสั่งของบริษัท ทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย ดังนั้น บริษัทจึงขอแจ้งเป็นหนังสือ เพื่อให้ท่านปฏิบัติงานตานที่กรรมการบริษัท ได้มีคำสั่งและมอบหมาย ตั้งแต่วันนี้เป็นตันไป หากท่านไม่ปฏิบัติตามหนังสือฉบับนี้ บริษัทจะดำเนินการเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าจ้างและละค่าชดเชอใดๆ จึงเรียนมาเพื่อทราบ ซึ่งภายในบริเวณบ้านยังพบว่าได้มีพนักงานของป้าเปรม นั่งจับกลุ่มคุยกันเล่น ขณะเดียวกันได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.เมืองสระบุรี เดินทางเข้ามาพบป้าเปรม เพื่อมาสอบถามเกี่ยวกับที่ทางป้าเปรมได้ไปแจ้งความไว้ในเรื่อง วิ่งราวทรัพย์ ไว้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปีที่แล้ว ซึ่งทางป้าเปรมได้บอกกับผู้สื่อข่าวว่าเรื่องดังกล่าวตนเองได้แจ้งความไว้ตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีความคืบหน้า พอตนเองไปออกรายการดัง(โหนกระแส)ทางช่อง3 ตอนนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาหาตนเองกันหลายสาย และมาหาถึงบ้านเลย

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จ.สระบุรี รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ