ตำรวจไซเบอร์ทลายคลังบุหรี่ไฟฟ้า ตรวจค้น 2 จุด ยึดของกลางกว่า 2 หมื่นชิ้น
วันที่ 22 ม.ค.68 ที่บริเวณชั้น 1 อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ บช.สอท. (เมืองทองธานี) นำโดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท., พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น.รรท. รอง ผบช.สอท., พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ รอง ผบก.สอท.1 รรท.ผบก.สอท.2 และ พ.ต.อ.ศุภกร ผิวอ่อน รอง ผบก.สอท.3 รรท.ผบก.สอท.5 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว ตำรวจไซเบอร์จับกุมบุหรี่ไฟฟ้า ตรวจค้น 2 จุด ยึดของกลางหลายรายการ
สืบเนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบายให้เร่งปราบปรามการลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. จึงได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการในเรื่องดังกล่าว โดย พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ บช.สอท. แต่งตั้งคณะทำงานในการดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวให้สำเร็จเป็นรูปธรรม พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. จึงมอบหมายให้ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.น. รรท.รอง ผบช.สอท. เป็นหัวหน้าคณะทำงานในการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ทำการสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบพบไลน์ ชื่อ “Peaceful” มีการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า ชนิดต่างๆ ได้แก่ ชนิดใช้แล้วทิ้ง ชนิดเติมน้ำยา ขวดน้ำยา และ หัวพอด รวมทั้งอะไหล่ ผ่านช่องทางออนไลน์ จึงได้วางแผนทำการล่อซื้อ และทำการสืบสวนเพิ่มเติม พบ จุดพักสินค้า จึงนำไปสู่ การตรวจค้นทั้งหมด 2 จุด และจับกุมผู้กระทำความผิด ดังนี้
จุดที่ 1 ตรวจค้นบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 35/2567 ลงวันที่ 21 มกราคม 2568 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 ไม่พบผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว จึงให้นิติบุคคลและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหมู่บ้านที่ทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบของกลาง ได้แก่
- ตรวจยึดบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ส่วนควบ จำนวน 100 ชิ้น
- คอมพิวเตอร์ Laptop จำนวน 1 เครื่อง
จุดที่ 2 ตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 1 ถ.เลียบคอลง 7 ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ตามหมายค้นศาลจังหวัดธัญบุรี ที่ 36/2568 ลงวันที่ 21 มกราคม 2568 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สอท.2 สามารถจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย คือ นายประดิษฐ์ อายุ 43 ปี และ น.ส.วาทิณี อายุ 49 ปี แสดงตัวเป็นผู้ครอบครอง รับว่าตัวเองทำหน้าที่เป็นพนักงานส่งสินค้า ผลการตรวจค้นพบกลางเบื้องต้น ได้แก่
- บุหรี่ไฟฟ้า และ หัวพอด รวมจำนวน 13,166 ชิ้น
- หัวพอด จำนวน 5,932 ชิ้น
- น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า จำนวน 1,000 ชิ้น
รวมของกลางที่ยึดได้ทั้งหมด จำนวน 20,198 ชิ้น
พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. จึงขอฝากเตือนมายังพี่น้องประชาชน ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้า ที่ถูกลักลอบนำเข้าและมีการจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย จึงไม่ได้ผ่านการตรวจสอบและรับรองคุณภาพ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำให้เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้ ยังมีความผิดตามกฎหมาย ดังนี้
กรณีผู้ขายหรือผู้ให้บริการบุหรี่ไฟฟ้า
คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ได้มีคำสั่ง ที่ 9/2558 ลงวันที่ 28 มกราคม 2558 เรื่อง ห้ามขายหรือห้ามให้บริการสินค้า "บารากู่ บารากู่ไฟฟ้าหรือบุหรี่ไฟฟ้า ฯ" โดยผู้ใดขายหรือให้บริการ มีความผิดตามมาตรา 29/9 ประกอบมาตรา 56/4 แห่งพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522 ฯ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีผู้นำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า
เป็นความผิดตามมาตรา 20 แห่งพ.ร.บ. การส่งออกไปนอกและการนำเข้าฯ พ.ศ. 2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติมฯ
ประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่อง กำหนดให้บารากู่และบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า เป็นสินค้าที่ต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักร พ.ศ. 2557 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับเป็นเงินห้าเท่าของราคาสินค้า หรือทั้งจำทั้งปรับ กับให้ริบบุหรี่ไฟฟ้า รวมทั้ง สิ่งที่ใช้บรรจุและพาหนะใดฯ นั้นด้วย
เป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 มาตรา 244 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ “กรณีผู้ครอบครองหรือรับไว้ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้า
เป็นความผิดฐาน ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสียซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดฯ ตามมาตรา 246 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ. 2560 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ ทั้งจำทั้งปรับ ฯ
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ กทม. รายงาน