ลุงวัย 50 ปีขี่รถจยย.เสียหลักชนท้ายรถสิบล้อ โดนรถขับตามมาทับเสียชีวิตคาที่
เมื่อเวลา 06.00 น. ของวันที่ 20 มกราคม 2568 พันตำรวจตรีไชยวัฒน์ เทียมเมฆา สารวัตรสอบสวนสภ.บ้านแพ้ว ได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์เสียหลักชนท้ายรถบรรทุกสิบล้อแล้วโดนรถที่ขับตามหลังมาทับเสียชีวิต ถนนพระประโทน- บ้านแพ้ว กม.ที่ 10 + 400 หมู่ที่ 1 ตำบลหลักสาม อำเภอบ้านแพ้วจังหวัดสมุทรสาคร มุ่งหน้าตลาดบ้านแพ้ว จึงเดินทางไปตรวจสอบในที่เกิดเหตุพร้อมด้วย แพทย์หญิง ธนภรณ์ มีจันทร์ แพทย์เวรชันสูตรโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) และเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิการกุศลสมุทรสาคร
เมื่อเดินทางมาถึงในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ พบรถบรรทุก 10 ล้อยี่ห้อ อีซุซุ สีขาวหมายเลขทะเบียน 71-6188 สมุทรปราการจอดอยู่ริมทางหน้าบริษัทฟอร์มเทค และด้านท้ายรถบรรทุกสิบล้อพบรถจักรยานยนต์ honda scoopy หมายเลขทะเบียน กทม-445 นนทบุรีสภาพรถล้มอยู่ และพบผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 รายค่อมอยู่บนรถจักรยานยนต์ที่ล้มอยู่ด้านท้ายรถบรรทุก 10 ล้อมีบาดแผลฉกรรจ์ที่บริเวณศีรษะเลือดไหลออกจำนวนมากและจากการตรวจสอบเอกสารภายในตัวเจ้าหน้าที่ไม่พบเอกสารใดๆผู้เสียชีวิตเป็นชายไทยอายุประมาณ 50 ปีสวมกางเกงขายาวเสื้อยืดสีดำสวมทับด้วยเสื้อลายพลางทหาร จากการสอบถามคนขับรถบรรทุกสิบล้อทราบว่าได้นำรถมาจอดบริเวณดังกล่าวตั้งแต่เวลา 05.00 น เพื่อรอลงสินค้าที่บริษัทดังกล่าวขนาดนั่งอยู่ในรถได้ยินเสียงเหมือนมีรถมาล้มอยู่ด้านท้ายจึงลงไปดูพบว่ามีรถจักรยานยนต์เสียหลักล้มอยู่บริเวณด้านท้ายและมีคนขับนอนอยู่กับตัวรถจักรยานยนต์ จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ก่อนจะพบว่าคนขับเสียชีวิตแล้ว
ส่วนทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบในที่เกิดเหตุไว้ในเบื้องต้นสอบถามผู้ขับขี่รถบรรทุก 10 ล้อและเชิญตัวผู้ขับขี่มาสอบปากคำเพิ่มเติมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้ร่วมกับแพทย์เวรโรงพยาบาลบ้านแพ้ว(องค์การมหาชน)ตรวจสอบในที่เกิดเหตุอย่างละเอียดและสันนิษฐานในเบื้องต้นว่าผู้เสียชีวิตขับรถมาตามทางปกติพอมาถึงในที่เกิดเหตุ เสียหลักชนด้านท้ายรถบรรทุกสิบล้อที่จอดอยู่แล้วล้มลงไปและมีรถที่ขับตามหลังมาทับซ้ำที่บริเวณศีรษะจนทำให้เสียชีวิตดังกล่าวกล่าว และจะได้ติดตามหาญาติของผู้เสียชีวิตมารับศพไปประกอบประเพณีตามศาสนาและจะได้ให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสภ.บ้านแพ้ว เร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดใกล้เคียงบริเวณที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบว่ามีรถคันใดมาทับผู้เสียชีวิตจนเกิดเหตุสลดและติดตามมาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดสมุทรสาคร รายงาน