
ตำรวจทางหลวง ไล่สกัดจับแก๊งขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการตำรวจทางหลวง (บก.ทล.) ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.วรบดินทร์ เลิศศุภสินสถิต สว.ส.ทล.5 กก.1 บก.ทล.พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ส.ทล.5 กก.1 บก.ทล. ร่วมกันจับกุม
1. นายจายอ่องฯ อายุ 25 ปี (ผู้ขับขี่) กระทำความผิดฐาน รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ช่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
2. ผู้ต้องหา สัญชาติเมียนมาร์ จำนวน 12 คน กระทำความผิดฐาน เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อTOYOTA สีเทา
2.กุญแจรถยนต์ จำนวน 1 ดอก
สถานที่จับกุม บริเวณหน้าหน่วยบริการตำรวจทางหลวงเขาทราย ทล11 กม.131 ตำบลเขาทราย อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร
สืบเนื่องจาก กก.1 บก.ทล. ได้มีการกวดขันจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและผู้นำพาในเส้นทางพื้นที่ ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ออกตรวจเส้นทาง ทล.11 กม.131 พบ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อTOYOTA สีเทา ขับขี่มาและสังเกตเห็นว่ามีน้ำหนักที่รถมากกว่ารถยนต์ปกติ มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกให้รถยนต์คันดังกล่าวหยุด เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวหยุด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเดินไปที่รถยนต์กระบะคันดังกล่าวพร้อมแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบรถยนต์กระบะคันดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบนายจายอ่องฯ (แสดงตนเป็นผู้ขับขี่) แสดงท่าทางมีพิรุธ และมีการใช้โทรศัพท์ตลอดเวลาและมีบุคคลจำนวน 12 คน นั่งโดยสารมากับรถยนต์กระบะคันดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเชิญมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงเขาทราย พบว่า ผู้ที่นั่งโดยสารมาด้วยเป็นคนต่างด้าว สัญชาติเมียนมาร์ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใช้แทนการเดินทางแต่อย่างใดแสดง
จากการสอบถามนายจายอ่องฯ ให้การยอมรับว่าตนได้ขับขี่รถยนต์กระบะ โดยได้ขับขี่มารับตัวผู้ถูกจับที่ 2 - 13 ที่ จ.ลำปางและจะนำผู้ถูกจับที่ 2 - 13 ไปส่งที่ จ.สระบุรี โดยกระทำแบบนี้เป็นครั้งที่สอง ได้ค่าจ้างจำนวน 3000บาท/ครั้ง และทราบดีอยู่แล้วว่า ผู้ถูกจับที่ 2 - 13 เป็นแรงงานต่างด้าวไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้สอบถามผู้ถูกจับที่ 2 - 13 ให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินเข้ามา ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพาเพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับแจ้งสิทธิให้ทราบฯ จากนั้นจึงควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรทับคล้อ ภ.จว.พิจิตร ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งจากสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น รับสารภาพ ตลอดข้อกล่าวหา
อีกคดีร่วมกันจับกุม
1. นายจายห่านอ่องฯ อายุ 20 ปี (ผู้ขับขี่) กระทำความผิดฐาน รู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนกฎหมาย ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุม
2. ผู้ต้องหา สัญชาติเมียนมาร์ จำนวน 12 คนกระทำความผิดฐาน เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
พร้อมตรวจยึดของกลาง
1.รถยนต์กระบะ ยี่ห้อTOYOTA สีเทา
2.กุญแจรถยนต์ จำนวน 1 ดอก
สืบเนื่องจากขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ออกตรวจเส้นทาง ทล.11 กม.131 พบ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อTOYOTA สีเทา ขับขี่มาและสังเกตเห็นว่ามีน้ำหนักที่รถมากกว่ารถยนต์ปกติ มีเหตุอันควรสงสัยว่าจะลักลอบขนคนต่างด้าวผิดกฎหมาย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ส่งสัญญาณไฟกระพริบสีแดงและใช้สัญญาณเสียงรวมถึงการพูดออกคำสั่งผ่านไมโครโฟนเรียกให้รถยนต์คันดังกล่าวหยุด เมื่อรถยนต์คันดังกล่าวหยุด เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเดินไปที่รถยนต์กระบะคันดังกล่าวพร้อมแสดงตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขอทำการตรวจสอบรถยนต์กระบะคันดังกล่าว
จากการตรวจสอบพบนายจายอ่องฯ (แสดงตนเป็นผู้ขับขี่) แสดงท่าทางมีพิรุธ และมีการใช้โทรศัพท์ตลอดเวลาและมีบุคคลนั่งโดยสารมากับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวจำนวน 12 คน จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเชิญมาตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียดอีกครั้งที่หน่วยบริการประชาชนตำรวจทางหลวงเขาทราย พบว่าบุคคลนั่งโดยสารมากับรถยนต์กระบะคันดังกล่าวเป็นคนต่างด้าว สัญชาติเมียนมาร์ไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารใข้แทนการเดินทางแต่อย่างใดแสดง จ
ากการสอบถามผู้ถูกจับที่ 1 ให้การยอมรับว่าตนได้ขับขี่ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อTOYOTA สีเทา โดยได้ขับขี่มารับตัวผู้ถูกจับที่ 2 - 13 ที่ จ.ลำปางและจะนำ ผู้ถูกจับที่ 2 - 13 ไปส่งที่ จ.สระบุรี โดยกระทำแบบนี้เป็นครั้งที่สอง ได้ค่าจ้างจำนวน 1,000บาท/ครั้ง และทราบดีอยู่แล้วว่า ผู้ถูกจับที่ 2 - 13 เป็นแรงงานต่างด้าวไม่มีหนังสือเดินทางหรือเอกสารแทนหนังสือเดินทางใดๆและยินยอมที่จะนำพามาส่งที่ปลายทาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้สอบถามผู้ถูกจับที่ 2 - 13 ให้การยอมรับว่า ได้ลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยทางช่องทางธรรมชาติและเดินเข้ามา ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ และจะมีคนพาออกมาขึ้นรถที่นำพาเพื่อจะเข้ามาหางานทำในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงแจ้งข้อกล่าวหา พร้อมกับแจ้งสิทธิให้ทราบฯ จากนั้นจึงควบคุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรทับคล้อ ภ.จว.พิจิตร ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน