รวบฝรั่งแสบปลอมเอกสารบริษัท ขายบริษัทและหุ้นของภรรยาไทยกว่า 20 ล้านบาท
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.วรพจน์ ลลิตจิรกุล สว. กก.3 บก.ปอศ., ร.ต.อ.ศิการ ไม้คู่ รอง สว.(ป.) กก.3 บก.ปอศ. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ร่วมกันจับกุม นายเคว็นเท็นฯ หรือ Mr.Quentin อายุ 57 ปี สัญชาติ บริติช ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดพัทยา ที่ 737/2567 ลงวันที่ 24 ธ.ค.2567
โดยกล่าวหาว่ากระทำความผิดฐาน แจ้งความเท็จ, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐาน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น,ใช้หรืออ้างเอกสารอันเป็นเท็จ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเป็นผู้รับผิดชอบในการดำเนินงานของบริษัท กระทำหรือยินยอมให้กระทำด้วยการเปลี่ยนแปลง ปลอมหรือลงข้อความเท็จในเอกสารของบริษัท กระทำหรือยืนยอมให้กระทำด้วยการเปลี่ยนแปลง ปลอมหรือลงข้อความเท็จในเอกสารของบริษัท หรือที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เพื่อลวงให้ผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้ สามารถจับกุมได้ที่ บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ตำบลหนองปรือ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
พฤติการณ์ สืบเนื่องจาก นายเคว็นเท็นฯ หรือ Mr.Quentin ผู้ต้องหาเป็นกรรมการบริษัทแห่งหนึ่งในพัทยา และมีหุ้นส่วนคือภรรยาชาวไทย โดยบริษัทมีการซื้อที่ดินเพื่อใช้เป็นที่ตั้งของบริษัท ซึ่งต่อมาพบว่าผู้ต้องหาได้ทำการไปแจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ว่าโฉนดที่ดินของบริษัทหายไป เพราะต้องการนำเอกสารแจ้งความเรื่องโฉนดที่ดินของบริษัทที่หายไปก็เพราะมีวัตถุประสงค์เพื่อไปดำเนินการใช้ในการออกโฉนดที่ดินของบริษัทใหม่กับเจ้าหน้าที่กรมที่ดิน ซึ่งโฉนดที่ดินของบริษัทตัวจริงนั้น ไม่ได้หายแต่อย่างใด โดยอยู่กับหุ้นส่วนของบริษัทหรือภรรยาชาวไทยของผู้ต้องหา
ต่อมา เมื่อได้โฉนดที่ดินของบริษัทฉบับใหม่มาแล้ว ผู้ต้องหาได้นำโฉนดที่ดินไปหลอกขายให้กับบุคคลอื่น โดยมีการปลอมแปลงเอกสารการประชุมของบริษัท ขายหุ้นของบริษัททั้งหมดพร้อมที่ดินให้กับผู้ซื้อรวมมูลค่าเกือบ 20 ล้านบาท ซึ่งผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทไม่ได้รับรู้แต่อย่างใด เมื่อผู้ถือหุ้นเดิมพบว่าตนเองไปที่บริษัทแล้วมีผู้อื่นเข้ามาดำเนินกิจการแทน และได้ไปตรวจสอบกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้าพบว่าตนเองนั้นไม่มีชื่อเป็นหุ้นส่วนอยู่ในแบบจดทะเบียนบริษัทที่ 5 (บอจ.5) พร้อมทั้งมีผู้ถือหุ้นรายใหม่ที่มาแทนชื่อตนเอง และผู้เสียหายได้ไปตรวจสอบที่กรมที่ดินพบว่าโฉนดที่ดินของบริษัทมีการเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ จึงได้มาแจ้งความดำเนินการร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ.
จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.ปอศ. ได้รับแจ้งว่า นายเคว็นเท็นฯ หรือ Mr.Quentin ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 737/2567 ลงวันที่ 24 ธ.ค.2567 ในฐานความผิด แจ้งความเท็จ, แจ้งให้เจ้าพนักงานผู้กระทำการตามหน้าที่จดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานฯ กำลังจะเดินทางเข้ามาในประเทศทาง ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมฯ จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ พบบุคคลต้องสงสัยมีลักษณะและตำหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับฯ มาแสดงตน ที่ฝ่าย ตม. ขาเข้า ด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อให้ตรวจอนุญาตเดินทางเข้าราชอาณาจักร
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมฯ ได้แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ ขอตรวจสอบหนังสือเดินทางและเอกสารประจำตัวประชาชน และได้ตรวจพบว่าผู้ถูกจับมีชื่อ-สกุล เพศ อายุ สัญชาติ เลขหนังสือเดินทางและเอกสารหนังสือเดินทาง และมีตำหนิรูปพรรณตรงกับบุคคลตามหมายจับข้างต้น จึงได้แสดงหมายจับศาลจังหวัดพัทยา ที่ 737/2567 ลงวันที่ 24 ธ.ค.2567 ให้ผู้ต้องหาดูและสอบถามแล้วรับว่าตนชื่อนายเคว็นเท็นฯ หรือ Mr.Quentin เป็นบุคคลตามหมายจับจริง สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบี้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตามข้อกล่าวหาที
ผู้สื่อข่าวยครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน