พ่อร้องทนายลูกสาววัย 15 ปี ถูกญาติข่มขืน ผ่าน 2 เดือนคดีไม่คืบ
เวลา 10.00 น. วันที่ 14 มกราคม 68 นายบุญยืน เพ็งเจริญ อายุ 66 ปี อาชีพ รปภ.พา น.ส.เปิ้ล (นามสมมุติ) อายุ 15 ปี ลูกสาว นำหลักฐานเข้าร้องมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม หลังจากลูกสาวถูกหลานชายแท้ๆ บังคับล่วงละเมิดทางเพศ 3 ครั้ง แถมข่มขู่ไม่ให้ไปบอกใคร และไม่ให้ไปแจ้งความ อ้างว่าแจ้งความก็ไม่มีใครเชื่อ
นายบุญยืน กล่าวว่า ครั้งแรกที่ลูกสาวโทรมาบอกหัวใจแทบสลาย เพราะไม่คิดว่าลูกจะต้องเจอคนในครอบครัวกระทำเช่นนี้ ตอนนี้ลูกสาวอยู่ในภาวะที่เครียดมาก หลังเกิดเหตุได้พาลูกสาวไปแจ้งความที่ สน.ทุ่งสองห้อง แต่ก็ไม่มีความคืบหน้า ลูกโทรไปสอบถามทางตำรวจบอกว่าลืม จึงรู้สึกน้อยใจ คิดว่าตนเองคงเป็นเพียงแค่ รปภ.ไม่รู้จักคนใหญ่คนโต จึงไม่มีคนมาสนใจ จึงตัดสินใจพาลูกสาวเดินทางมาที่มูลนิธิรณณรงค์ฯเพื่อมาเรียกร้องความยุติธรรมให้กับลูกสาว และขอความช่วยเหลือให้ทางมูลนิธิรณณรงค์ฯ ช่วยติดตามในเรื่องของคดี
น.ส.เปิ้ล (นามสมมุติ) เปิดเผยว่า ตนมีปัญหาทะเลาะกับพ่อเลยเกิดน้อยใจ จึงโทรไปร้องไห้ และปรึกษากับพี่เขาเนื่องจากเราสนิทกันตั้งแต่เด็ก ทางพี่เขาก็แนะนำว่าถ้าไม่สบายใจก็ให้มาอยู่กับพี่ก่อน ก็เลยไปคุยกับพี่เขาว่าอยากทำงานหางานให้ทำหน่อยได้ไหม ตอนอยู่กับเขาตอนแรกเขาก็ไม่มีอาการอะไรเลย ต่อมาอาการเขาเริ่มไม่ปกติ เขาพยายามเข้ามาถูกเนื้อถูกตัว ใช้ให้เหยียบหลัง ตนรู้แล้วว่ามันผิดปกติก็พยายามจะลุกเดินหนี จากนั้นเขาก็ฉุดแขนลงนอนแล้วใช้มือบีบคอ ใช้กำลังข่มขืน ตนพยายามต่อสู้แต่ก็สู้แรงเขาไม่ได้ สุดท้ายโดนกระทำไป 1 ครั้ง หลังจากที่เขากระทำเสร็จได้บอกว่าอย่านำเรื่องนี้ไปบอกใคร อย่าให้เมียเขารู้ และพ่อรู้ ครั้งที่สองวันนั้นเมียเขาออกไปทำงาน ตนนอนอยู่ที่ด้านล่าง เขาก็เข้ามาใช้กำลังข่มขื่นอีก 1 ครั้ง ตอนนั้นตนไม่มีที่ไปก็เลยจำเป็นต้องอยู่กับเขา ส่วนครั้งที่3 เขาทะเลาะกับเมียของเขา แล้วเมียของเขาก็ออกไปนอกบ้าน แล้วเขาก็มาพยายามจะทำกับตนอีกครั้ง แต่ครั้งจากนั้นตนพยายามใจดีสู้เสือหลอกให้เขาตายใจ ใช้คำพูดดีกับเขา จากนั้นก็หนีออกจากบ้าน เมื่อออกมาได้จึงตัดสินใจโทรบอกแม่เลี้ยง แล้วแม่เลี้ยงก็โทรบอกพ่อ พ่อจึงพาเข้าแจ้งความ
ด้านนายรภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยศิลป์ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทางพ่อและน้องไปแจ้งความที่สน.ทุ่งสองห้อง ทางตำรวจแจ้งว่าจะนัดผู้เสียหายมาสอบปากคำต่อหน้าสหวิชาชีพ จนผ่านมาเกือบ2 เดือน คดีไม่มีความคืบหน้า แต่ที่น่าตกใจมากทางตำรวจบอกว่าลืม แม้กระทั่งใบตรวจร่างกายก็บอกว่าลืม หลังจากวันนี้ทางมูลนิธิรณณรงค์ จะพาผู้เสียหายไปติดตามความคืบหน้าทางคดีที่สน.ทุ่งสองห้อง ว่าต่อไปนี้จะดำเนินการต่อไปอย่างไร สำหรับเรื่องนี้ถึงแม้ว่าผู้เสียหายจะยอมหรือไม่ยอมมันก็เป็นความผิด มีโทษทั้งจำคุกและก็ปรับ ตำรวจเองที่เป็นพนักงานสอบสวนก็ควรจะติดตามคดีเพราะเป็นเรื่องเด็กและที่สำคัญเป็นผู้หญิง ไม่ควรปล่อยปะละเลย ถ้าปล่อยให้เวลาผ่านไปมันจะส่งผลกระทบหลายอย่าง
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัด นนทบุรี รายงาน