วันนี้ (7 ม.ค. 68) นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานการสอบสวน หัวหน้าคณะทำงาน  คดีนอกราชอาณาจักร ที่มีการกล่าวหา นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้มกับพวก  ในความผิดฐาน ฉ้อโกง , ร่วมกันฟอกเงิน และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้องเรียกสอบสวนถ้อยคํา นางจตุพร หรือเจ๊อ้อย เเละพยานเพิ่มเติม

นายวัชรินทร์ กล่าวว่า คดีนี้อัยการสูงสุดมีคําสั่งเป็นคดีนอกราชอาณาจักรทําให้อัยการสำนักงานการสอบสวนเข้ามาร่วมในการสอบสวน โดยอัยการจะมีอํานาจออกคําสั่งหรือให้คําแนะนําเกี่ยวกับการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ซึ่งได้มีการประชุมร่วมกับพนักงานสอบสวน บก.ป. และดูสํานวนแล้วพบมีบางประเด็นที่อยากสอบถามข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกับ เจ๊อ้อย

จึงเชิญเข้ามาให้การเพิ่มเติมพร้อมกับเลขาฯ และพยานบางปากที่ยังไม่มีการสอบให้เข้ามาสอบปากคําเพิ่มรวมถึงดูพยานหลักฐานว่าจะต้องดําเนินคดีกับใครเพิ่มเติมอีกหรือไม่ โดยกําหนดกรอบระยะเวลาไม่เกิน 15 มกราคม 2568 ซึ่งทันกําหนดระยะเวลาฝากขังผัดสุดท้ายและเบื้องต้นฝั่งผู้ต้องหายังไม่มีการร้องขอความเป็นธรรมเพิ่มเติมเข้ามาหลังอัยการเข้ามาร่วมสอบสวน หากมีก็จะต้องดูประเด็นอีกทีว่ามีประเด็นเพียงพอที่จะต้องสั่งสอบสวนเพิ่มเติมตามคำร้องหรือไม่

ด้าน นางจตุพร หรือเจ๊อ้อย กล่าว่า วันนี้ไม่ได้นําหลักฐานมาเพิ่มเนื่องจากอัยการเรียกสอบถ้อยคําเพิ่มเติมเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องเงิน 71 ล้าน และทุกเรื่องที่เกี่ยวข้อง โดยตนเองมั่นใจว่าจะสามารถเอาผิดกับ ทนายตั้ม และพวกได้อย่างแน่นอนและจะดําเนินคดีจนถึงที่สุดไม่มีการยอมความใดๆทั้งสิ้นและไม่ขอไกล่เกลี้ยเพราะถือว่าเคยให้โอกาสแล้ว นอกจากนี้ตนได้มอบหมายให้ทางคุณสนธิ ลิ้มทองกุล มาช่วยดูแลในคดีนี้อย่างเต็มที่หากจะเจรจาก็ต้องไปคุยกับคุณสนธิเท่านั้น

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน