วันที่ 6 ม.ค. 2568 เว็บไซต์ต่างประเทศ Mirror Media เผยเรื่องราวจากชายรายหนึ่งชื่อสกุลหวัง อายุ 72 ปี อาศัยในมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน เขาอยากช่วยให้ลูกชายของเขาได้แต่งงานมีครอบครัว จึงจัดการติดต่อกับบริษัทจัดหาคู่ในท้องถิ่น จนทำให้ได้เจอกับหญิงสาวคนหนึ่งชื่อสกุลอวี้ จากเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว เมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่ผ่านมา จากนั้นครอบครัวของเขาก็พาลูกชายไปทำความรู้จัก

ในการพบกันครั้งแรก ครอบครัวของเขาต้องการให้ลูกชายได้แต่งงานโดยเร็ว จึงตัดสินใจยอมเซ็นสัญญา โดยจ่ายค่าสินสอดเบื้องต้น 20,000 หยวน หรือประมาณ 94,000 บาท ค่าบริการจัดหาคู่ 150,000 หยวน หรือราว 708,000 บาท และค่าสินสอดเพิ่มเติมอีก 148,000 หยวน หรือประมาณ 698,000 บาท เมื่อทั้งสองฝ่ายตกลงกันด้วยดี จึงจัดงานแต่งกันเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ที่มณฑลหูเป่ย์ บ้านของครอบครัวฝ่ายชาย

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากงานวิวาห์ผ่านไปได้เพียงแค่ 2 วันเท่านั้น อวี้ได้อ้างกับครอบครัวฝ่ายชายว่า ต้องกลับไปที่กุ้ยหยางเพื่อทำงานสุดท้ายของเธอให้เสร็จ โดยขอเงินค่าใช้จ่ายจากครอบครัวของสามีไปเป็นเงิน 20,000 หยวน หรือประมาณ 94,000 บาท หลังจากนั้น ช่วงปลายเดือนสิงหาคม อวี้ได้กลับมา แต่เธอกลับมีท่าทีเย็นชา ดูไม่เหมือนคนเดิมอีกต่อไป

ลูกชายของหวัง ผู้เป็นสามีของอวี้ จึงตามสืบเรื่องภรรยาของเขา จนได้รู้ว่างานที่เธออ้างถึงนั้นไม่มีอยู่จริง ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่แย่ลง จนถึงขั้นแยกกันอยู่ ต่อมาในดือนกันยายน หวังได้เดินทางไปที่เมืองกุ้ยหยางด้วยตนเอง เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนที่จะได้รับการยืนยันว่า ลูกสะใภ้ของเขาลาออกจากที่ทำงานที่เธออ้างไปตั้งนานแล้ว

หลังจากความจริงถูกเปิดเผย ลูกสะใภ้ของหวังก็หนีหายตัวไปไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน หวังจึงฟ้องร้องให้ทางบริษัทจัดหาคู่คืนเงินค่าบริการจนได้คืนมาทั้งหมด พร้อมทั้งให้ทางอวี้คืนเงินค่าสินสอด เนื่องจากผิดสัญญาการแต่งงาน ซึ่งตอนแรกเธอสัญญาว่าจะคืนสินสอดให้จำนวน 120,000 หยวน หรือประมาณ 566,000 บาท แต่ต่อมาเธอก็ได้ขาดการติดต่อไป

สรุปแล้ว ชายผู้หวังที่จะให้ลูกชายมีครอบครัว ต้องสูญเงินไปกว่า 168,000 หยวน หรือประมาณ 793,000 บาท ทั้งไม่ได้ลูกสะใภ้ แถมยังต้องมานั่งทุกข์ใจในห้วงสุดท้ายของชีวิต โดยเขากล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้สภาพจิตใจของเขาและภรรยาได้รับผลกระทบอย่างมาก ลูกชายของเขาก็กลายเป็นโรคซึมเศร้าจากปัญหาชีวิตและครอบครัวแตกสลาย