ตำรวจ สน.พระราชวัง ตามจับคนขับรถจยย.รับส่งผ่านแอปฯดัง วางแผนฉกเงินหญิงชาวรัสเซีย 15,000 บาท

ตำรวจ สน.พระราชวัง ตามจับคนขับรถจยย.รับส่งผ่านแอปฯดัง วางแผนฉกเงินหญิงชาวรัสเซีย 15,000 บาท

นายบรรพต หรือเล็ก  อายุ 29 ปี ถูกตำรวจควบคุมตัวพร้อมรถจักรยานยนต์ และเสื้อผ้าที่สวมใส่ในวันก่อเหตุ เป็นของกลางที่ถูกยึดได้ หลังพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง ได้รับแจ้งความจาก นางสาวแอนนา (MISS ANNA PETROVA ANDREEVNA) อายุ 25 ปี นักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ว่าถูกผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ตัวเองเรียกผ่าน แอพพลิเคชั่นแห่งหนึ่ง(โบลท์) เพื่อจะเดินทางไปท่องเที่ยวที่วัดสระเกศ

ก่อนรถจักรยานยนต์ที่มารับ จะออกอุบายว่าให้นำกระเป๋าที่สะพายอยู่ไปไว้บริเวณหน้ารถ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกวิ่งราวทรัพย์ ทำให้นักท่องเที่ยวชาวรัสเซียหลงเชื่อ แต่คนขับรถจักรยานยนต์กับพาขับวน โดยไม่ไปส่งถึงที่หมาย แต่กลับมาส่งที่จุดเดิมและบอกว่ามารับผิดคน เมื่อตรวจสอบในกระเป๋ากลับพบว่ามีเงินสดหายไปจำนวน 15,000 บาท จึงเข้าแจ้งความ

ทางด้าน พันตำรวจเอกภาวัต วรรธสุภัทร ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลพระราชวัง เปิดเผยว่า ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ทำการตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าเวลา 14.15 น.ของวันที่ 13 ธันว่คม 67 พบผู้ต้องหาได้ขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นจีออราโน่ สีขาว มาบริเวณท่าเตียน และได้จอดรถ จยย. เผื่อนำหน้ากากอนามัยมาปกปิดแผ่นป้ายทะเบียนและขี่รถจักรยานยนต์คันกล่าว ไปรับผู้เสียหายบริเวณท่าเตียน ในระหว่างที่ผู้เสียหายซ้อนรถจักรยานยนต์อยู่ ผู้ต้องหาได้จอดรถ บริเวณแยกพระพิพิธ ลงจากรถเพื่อนำหน้ากากอนามัยที่ปกปิดแผ่นป้ายทะเบียนออก

ต่อมา เมื่อผู้ต้องหาขับรถมาถึงบริเวณแยกบ้านหม้อได้นำมือซ้ายไปจับล้วงกระเป๋าของผู้เสียหายแล้วนำเงินของผู้เสียหายออกไปใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อด้านหน้าที่ผู้ต้องหาสวมใส่อยู่และได้วนรถกลับมาส่งผู้เสียหายยังบริเวณท้ายวัง และได้ขับเพื่อไปสลับรถจักรยานยนต์อีกคัน โดยผู้ต้องหาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์อีกคัน ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นหลีด สีดำ โดยใช้ตุ๊กตาห้อยไว้ที่ป้ายทะเบียนเพื่อปกปิดบังป้ายทะเบียนไว้ ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ก่อนก่อเหตุ และ หลังก่อเหตุ จนพิสูจน์ทราบทะเบียนรถที่ใช้ก่อเหตุ และรถที่สับเปลี่ยนอีก 1 คัน จนทราบว่าเจ้าของรถที่ใช้ก่อเหตุเป็นเพื่อนของนายบรรพต ซึ่งรถที่สับเปลี่ยนเป็นรถของนายบรรพต ฝ่ายสืบสวนจึงเฝ้าติดตามพฤติกรรม

จนกระทั่งเมื่อวันที่ 15 ธันวาคมที่ผ่านมา นายบรรพตได้ขับรถของตัวเองออกมาตระเวน บนถนน ท้ายวัง แขวง พระบรมมหาราชวัง เขต พระนคร กรุงเทพมหานคร ตำรวจฝ่ายสืบสวนจึงออกอุบายให้ตำรวจฝ่ายจราจร เข้าจับตาม พ.ร.บ.จราจร พยายามปิดบังป้ายทะเบียน กล่องควบคุมตัวมาสอบปากคำเพื่อสอบถามว่าเป็นบุคคลที่ก่อเหตุลักทรัพย์นักท่องเที่ยวหญิงชาวรัสเซียหรือไม่ ซึ่งผู้ต้องหารับสารภาพทุกข้อกล่าวหา

โดยนายบรรพต อ้างว่าหน้ามืดหลังจากเห็นนักท่องเที่ยวหญิงชาวรัสเซียดังกล่าวนับเงินเป็นจำนวนมากขนาดที่ตัวเองจะเข้าไปรับ หลังนักท่องเที่ยวใช้บริการผ่านแอพลิเคชั่น แต่เมื่อถึงจุดนัดหมายได้กดยกเลิกในระบบ เพื่อนำรถไปปิดบังแผ่นป้ายทะเบียนโดยใช้หน้ากากอนามัย ก่อนจะเข้าไปรับและอ้างว่าตัวเองเป็นคนให้บริการ และได้ออกอุบายบอกกับนักท่องเที่ยวคนดังกล่าวว่าให้เอากระเป๋ามาไว้บริเวณหน้ารถจักรยานยนต์ เนื่องจากกลัวว่าจะมีบุคคลมาวิ่งราวทรัพย์

เมื่อนักท่องเที่ยวหลงเชื่อจึงนำกระเป๋ามาไว้บริเวณด้านหน้าและลงมือก่อเหตุ หลังจากได้เงินแล้วได้นำนักท่องเที่ยวไปส่งยังจดหมายเดิมโดยให้เหตุผลว่ารับผิดคน ก่อนนำเงินดังกล่าวไปเล่นสนุกเกอร์เดิมพันกับกลุ่มเพื่อน จนแทบหมดตัว ก่อนถูกตำรวจตามจับได้ โดยนายบรรพตยังอ้างอีกว่าก่อเหตุครั้งนี้เป็นครั้งแรก

ภายหลังการจับกุม ตำรวจได้เชิญตัวนางสาวแอนนา นักท่องเที่ยวหญิงชาวรัสเซีย มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อระบุตัวผู้ก่อเหตุ และให้ปากคำเพิ่มเติม โดยตำรวจได้ติดต่อประสานกับทางบิดาของนายบรรพต ทราบถึงพฤติกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยบิดานายบรรพตยืนยันว่าจะนำรถจักรยานยนต์ไปจำนำ เพื่อนำเงินที่นายบรรพตเอาไป มาคืนให้กับผู้เสียหาย ซึ่งนางสาวแอนนา รู้สึกดีใจ ที่ตำรวจสามารถติดตามจับผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว โดยระบุว่ารู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่เหมารวมไปถึงคนไทยทั้งหมด พร้อมที่จะกลับมาท่องเที่ยวประเทศไทย แต่อาจจะต้องระวังตัวให้มากขึ้น

สำหรับนายบรรพต ถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาข้อลักทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินหกหมื่นบาท นอกจากนี้ พบประวัติแล้วพบว่าเคยมีประวัติถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์ ในพื้นที่ สภ.สามง่าม ภ.จว.พิจิตร และฝ่าฝืนประกาศกำหนดอาหารที่ห้ามผลิตห้ามนำเข้าหรือห้ามจำหน่าย ปี2566 สน.ชนะสงคราม

ผู้สื่อข่าวกรุงเทพมหานคร ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ