ตรวจสอบสิทธิ์ ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
www.welfare.mof.go.th เป็นเว็บไซต์ที่ กระทรวงการคลัง เปิดให้ผู้มีสิทธิลงทะเบียนในโครงการลงทะเบียน เพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ซึ่ง กระทรวงการคลัง ได้เปิดให้ลงทะเบียนในวันที่ 5 กันยายน 2565 - 31 ตุลาคม 2565 โดยล่าสุดมีผู้ถือบัตรจำนวน 13.5 ล้านราย และ กรมบัญชีกลาง ได้เติมเงินเข้าบัตรเพื่อให้ใช้จ่ายในทุกๆ เดือน
ล่าสุด กระทรวงการคลัง ได้ออกมาเปิดเผยว่า พบตรวจสอบระบบมีประชาชนที่ได้รับสิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ไม่ได้ไปยืนยันตัวตน ซึ่งค้างอยู่ในระบบไม่ได้รับสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 1 ล้านคน กระทรวงการคลัง เปิดให้ไปเช็คสิทธิ ผ่านทางเว็บไซต์ และ ยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 ธันวาคม 2567 หากไม่ยืนยันตัวตนภายในกำหนดต้องลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ 2568 ซึ่ง กระทรวงการคลัง กำหนดลงทะเบียนภายในเดือนมีนาคม 2568
www.welfare.mof.go.th ช่องทางตรวจสอบสิทธิสำหรับกลุ่มตกค้างในระบบบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจำนวน 1 ล้านราย โดยผู้มีสิทธิสามารถทำตามขั้นตอนดังนี้
คลิกไปที่ www.welfare.mof.go.th
ขึ้นตอนต่อไปที่ ตรวจสอบสถานะลงทะเบียน(คลิกที่นี่)
ถัดจากนั้น กรอกเลขที่บัตรประชาชนจำนวน 13 หลัก
กรอก วัน เดือน ปี
คลิกตรวจสอบข้อมูล
หากตรวจสอบสิทธิแล้วมีชื่อปรากฏ
ขั้นตอนต่อไปยืนยันตัวตนที่ ธนาคารกรุงไทย ทุกสาขา
ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 2565 ได้รับสิทธิ ดังต่อไปนี้
ทุกวันที่ 1 ของเดือน
กรมบัญชีกลาง จะทำการโอนเงินเข้าให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (เป็นวงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้ และไม่สะสมในเดือนถัดไป)
วงเงินซื้อสินค้า 300 บาทต่อคนต่อเดือน (สำหรับผู้มีสิทธิที่ยืนยันตัวตน 27 ส.ค. - 26 ก.ย. 67 และเริ่มใช้สิทธิได้ 1 ต.ค. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง)
วงเงินส่วนลดค่าซื้อก๊าซหุงต้ม 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (ต.ค. - ธ.ค. 67)
วงเงินค่าเดินทางผ่านระบบขนส่งสาธารณะ 750 บาทต่อคนต่อเดือน (ประกอบด้วย บขส. รถไฟ ขสมก. รถไฟฟ้า และรถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ)
ทุกวันที่ 20 ของเดือน
เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาทต่อเดือน สำหรับผู้มีสิทธิที่เป็นคนพิการ ซึ่งมีบัตรประจำตัวคนพิการและได้รับเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน ที่ยืนยันตัวตน 27 ส.ค. - 26 ก.ย. 67 จะไม่ได้รับสิทธิย้อนหลัง (โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก ของผู้มีสิทธิหรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิหรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท)