ทนายบอสพอล แจงปมคลิปเสียงยืนยันเสียงในคลิปไม่ใช่เป็นการข่มขู่
นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสดิไอคอน ได้เดินทางเข้ามาเยี่ยม "บอสพอล" และพวก เพื่อมาพูดคุยแนวทางในการสู้คดีในอนาคต ว่าจะมีการปรับรูปแบบแนวทางยังไงกันบ้าง พร้อมออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ในวันนี้ได้คุยกันไม่นานมาก เนื่องจากว่ามีคนเข้าเยี่ยมหลายคน โดนการพูดคุยเพียงแค่ 3-4 ท่านเท่านั้น
ซึ่งแนวทางในตอนนี้ตั้งใจว่าจะพาพยานที่เคยแจ้งความกับบริษัทที่กองบังคับการตำรวจสอบส่วนกลาง ไปพบดีเอสไอในฐานะพยานเพื่อไปยื่นคำร้องในการให้การใหม่อีกครั้ง โดยตั้งใจจะเริ่มในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ ซึ่งเท่าที่ตนเองคาดการณ์เอาไว้ก็คือจะพาไปวันละ 200 คน
ส่วนประเด็นที่นางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ ได้มีการพาผู้เสียหายจำนวน 89 ราย ทำทีเป็นผู้เสียหายเพื่อไปขอเงินค่าเยียวยา ที่ทางบริษัทดิไอคอนเคยนำเงินจ่ายให้จำนวน 8.9 ล้านบาท ซึ่งคนที่อ้างตัวว่าเป็นผู้เสียหายในจำนวนนี้ ตามหลักฐานที่ได้มีการโอนเงินจ่ายตอนนี้จำนวนตัวเลขคือ 75 คน ในแต่ละคนได้มีการจ่ายเงินในเรทต่างๆตั้งแต่ 50,000 ถึง 150,000 บาท
สำหรับ 75 คนในตอนนี้ ทางทีมทนายความได้มีการกันเอาไว้ 6 คน / ซึ่งใน 6 คนนี้ จะกันเอาไว้เป็นพยานในฐานะที่เป็นบุคคล ได้มีการเบิกของออกไปจากบริษัทแต่ยังมีสินค้าบางอย่างที่หลงเหลืออยู่ แต่ในจำนวน 69 คนที่เหลือ ได้มีการเบิกสินค้าจากบริษัทไปหมดแล้ว อีกทั้งได้มีการนำสินค้าไปจำหน่าย รวมถึงบริโภคเอง แต่กลับมีการเข้ามามั่วนิ่มในลักษณะเข้ามาขอเงิน ทำตัวเป็นผู้เสียหาย ซึ่งคนกลุ่มนี้ทางทีมทนายความได้มีการเตรียมแจ้งข้อหาร่วมกันกรรโชกทรัพย์ หรือร่วมกันฉ้อโกง พร้อมกับนางสาวกฤษอนงค์
ซึ่งหากย้อนกลับไปได้ ตอนที่ถูกนางสาวกฤษอนงค์ พากลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นผู้เสียหายมาร้องเรียน ตนเองจะขอสู้ไม่ขอจ่ายเงินแบบนี้ แต่ที่ตอนนั้นต้องยอมจ่ายเงินเนื่องจากสมาชิกของบริษัทดิไอคอนมีหลาย 100,000 คน 100,000 คนกลัวว่าถ้าหากเป็นข่าวเสียๆหายๆไปแล้วบริษัทจะหมดความน่าเชื่อถือและจะได้รับผลกระทบในวงกว้าง อีกทั้งทางฝั่งที่มาร้องเรียนได้มีการอ้างถึงนางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีน้ำ ว่าได้รับมอบหมายให้มาจัดการเรื่องนี้
นอกจากนี้ยังมีการข่มขู่อีกด้วยว่าจะมีการพาผู้เสียหายไปร้องกับ สคบ. แล้วจะพานักข่าวเข้ามาทำข่าว และนางสาวกฤษอนงค์ ยังอ้างอีกว่าเคยนำเงินไปให้กับดีเอสไอจำนวน 10 ล้านบาท จึงทำให้บอสพอล หวาดกลัวจึงยอมจ่ายเพื่อให้จบกันไป
ส่วนประเด็นคลิปเสียงเป็นคคลิปที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี่ที่ได้พูดคุยกับผู้จำหน่ายสินค้าของดิไอคอน ที่อยู่ในกลุ่ม “ครอบครัวดิไอคอน” เป็นการพูดคุยบันทึกที่จะส่งให้กับดีเอสไอ โดยส่วนตัวทราบว่าในกลุ่มมีหนอนบ่อนไส้อยู่จึงได้มีการส่งสารไปหาโดยตรง จะได้รู้ว่าในกลุ่ม 10,000 คนมีผู้เสียหายจริงๆเท่าไหร่ หากพบว่าคนในกลุ่มที่ได้มีการเบิกสินค้าไปแล้วจำหน่ายสินค้าไปแล้ว แต่มาแจ้งความอ้างตัวเป็นผู้เสียหาย ก็จะมีการแจ้งความกลับในข้อหาแจ้งความเท็จ
สำหรับในการพูดคุยที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่ามีลักษณะเป็นการพูดคุยกันในลักษณะข่มขู่ ประเด็นนี้ขอชี้แจงว่า ที่ในคลิปเสียงตนบอกว่าจะขู่ดำเนินคดี ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย ไม่มีมีความผิดทางกฎหมาย เพราะไม่ได้ขู่ที่จะทำร้ายใคร ส่วนจะอ้างว่าหวาดกลัวนั้นถ้าหากว่าไม่ผิดจริงจะกลัวเรื่องการดำเนินคดีทำไม ซึ่งยืนยันเป็นการใช้สิทธิ์ทางกฎหมาย
ส่วนมีการยกตัวอย่างไปหาบุคคลที่สามที่ถูกดำเนินคดี และกำลังจะถูกดำเนินคดี แล้วทำให้เกิดความหวาดผวากับสมาชิกจนทำให้บางคนต้องกลับใจไปถอนแจ้งความ ถือว่าเป็นการวางแผนทีมทนายทนายในการต่อสู้คดีหรือไม่ ประเด็นนี้ขอชี้แจงว่าต้องการให้เกิดความเป็นธรรม ไม่อยากให้เป็นการใส่ร้ายใคร เพราะการที่บอสของดิไอคอนถูกจับกุมก็ไม่ได้ถือว่ามีการกระทำความผิด หรือบริษัทมีการฉ้อโกง เนื่องจากศาลยังไม่ได้มีการตัดสิน ซึ่งคนกลุ่มนี้ตนเองไม่ได้ระบุเส้นตายว่าต้องออกมาวันไหน แต่ทางดีเอสไอได้มีการกำหนดเวลาจนถึงแค่วันที่ 3 ธันวาคมเท่านั้น
ส่วนประเด็ก เอก สายไหม ที่ถูกออกหมายจับในวันนี้ ตนเองเพิ่งทราบเรื่องจากสื่อมวลชน ก็ไม่ได้รู้สึกตกใจเพราะเป็นไปพยากรณ์เอาไว้ ที่พยากรณ์แม่นเพราะถือว่าเป็นไปตามประสบการณ์ เนื่องจากว่า เอก สายไหม มีพฤติกรรมทำให้คดีธรรมดาๆ เป็นคดีที่มีการโยงว่าจ่ายเงินให้หน่วยงานราชการ โยนไปถึงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จนตอนนั้นบริษัทดิไอคอนกลายเป็นองค์กรอาชญากรรมที่จ่ายเงินให้หน่วยงานต่างๆ อีกทั้งยังมีการเชื่อมโยงไปถึงจีนสีเทาด้วย
ซึ่งหลังจากนี้ตนเองได้มีการปรึกษากับทางบอสไอคอนแล้วว่าหลังจากนี้จะมีการแจ้งความดำเนินคดีฐานความผิดหมิ่นประมาทกับ เอก สายไหม รวมถึงจะเรียกร้องค่าเสียหาย เป็นจำนวนเงินหลัก 100 ล้านบาท ส่วนหลังจากนี้ เอก สายไหม จะได้รับการประกันตัวในชั้นสอบสวนหรือไม่ ก็มองว่าเป็นสิทธิ์ทางกฎหมาย ตนเองก็ยินดีด้วย แต่ลูกความตนเองไม่เคยได้รับโอกาสนี้เลย
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน