ไฮโซฯ แสบเบี้ยวเงินดาวน์ รถ หรูปอเช่ 3.7 ล้านบาท แถมผ่อนชำระต่อไม่ตรงเวลา
วันที่ 20 พ.ย.67 ที่ ด้านหน้าอาคารประชาอารักษ์ กองบังคับการปราบปราม กองบัญชาการตำรวจส่วนกลาง จตุจักร กทม.
น.ส. แอ้ ปนิดา(สงวนนามสกุล ) อายุ 43 ปี เจ้าของธุรกิจเสื้อผ้าออนไลน์ ได้เดินทางเข้าพบพนักงาน สอบสวน บก.ป.หลังถูกไฮโซรายหนึ่งซื้อรถหรู ยี่ห้อปอร์เช่ รุ่น 911 GT3RS ราคาเต็ม 24 ล้านบาท ต่อโดยขายดาวน์ในราคา 8.7 ล้านบาท แบ่งจ่ายเป็นสองงวดๆ แรก 5 ล้านบาทได้มาแล้ว งวดที่สอง 3.7 ล้านบาท ยังไม่ยอมจ่าย จนเลยเวลาที่ตกลงกันไว้ นอกจากนี้ เจ้าของเต็นท์รถ ไฮโซคน ดังกล่าวมักอวดอ้างมีตำรวจใหญ่เป็นแบ็ค ผู้เสียหายกังวลว่าจะถูกโกง จึงเดินทาง มาขอความช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจออกปราบปราม
น.ส. แอ้ ปนิดา เปิดเผยว่า เหตุการณ์เริ่มเมื่อเดือน มิ.ย.66 ตนต้องการจะขายรถปอร์เช่ 911 ราคา 24 ล้านบาท โดยทางเซลล์ก็ได้แนะนำเต้นท์รถแห่งหนึ่งซึ่งเป็นคนมีหน้ามีตาในวงการเต้นท์รถ หลังจากนั้นได้มีการตกลงซื้อขายกัน โดยมีการวางเงินดาวน์ที่ 8.7 ล้านบาทโดยทางเต้นท์รถขอแบ่งจ่าย 2 งวด โดยงวดแรกจ่ายเมื่อวันที่ 6 มิถุนายนปีที่แล้ว 5 ล้านบาท มีการชำระแล้ว ส่วนงวดที่ 2 ตกลงกันว่าจะจ่ายในเดือน ม.ค. 67 แต่พอถึงเวลาทางเต้นท์รถได้มีการขอผ่อนเดือนละ 1 ล้านบาท จนตอนนี้จะสิ้นปีแล้วยังไม่มีการจ่ายเงินส่วนที่เหลือ
นอกจากนี้ทางเต้นท์รถยังได้มีการผิดสัญญาอีกหลายข้อ เช่น ผิดชำระค่างวดกับไฟแนนซ์ เป็นเงิน 9 ล้านบาท และชำระช้าทุกงวด ทำให้ตนเองเสียเครดิตและเสียชื่อเสียงในส่วนนี้ด้วย ซึ่งตนได้มีการติดต่อไปทางเต็นท์รถทุกเดือนแต่ไม่ได้รับการตอบรับกลับมา และได้มีการคุยกันถึงเรื่องโอนชื่อรถตั้งแต่ต้นปีจนจะสิ้นปีแล้ว ซึ่งส่วนตัวมองว่าเขาไม่กระตือรือร้นในส่วนนี้
และอีกเรื่องคือ ตนเคยถามเพื่อนในวงการว่าคนนี้เขาเป็นใคร ทำไมถึงไม่จ่ายหนี้ เพื่อนเล่าให้ฟังว่า เขาเป็นคนมีแบ็คเป็นนายตำรวจใหญ่ แต่ไม่รู้ยศอะไร เป็นนักธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ และเป็นคนค่อนข้างมีฐานะ ตนมองว่าเหมือนเขาตั้งใจจะไม่จ่ายเงินที่เหลือของตนหรือไม่ และเชื่อว่าทางเขาได้มีการนำรถตนไปใช้ เพราะมีใบสั่งจ่ายค่าทางด่วนมาที่บ้านจำนวน 300 บาท
ซึ่งวันนี้ตนได้เดินทางมาที่กองบังคับการปราบผราม เพื่ออยากให้ตำรวจช่วยเจรจา เพราะในตามสัญญาเขาทำผิดหลายๆ ข้อ ถ้าเขาไม่จ่ายเงินก็จะขอรถคืน ซึ่งตอนนี้รถก็อยู่กับเขาและเงินก็ยังไม่ได้คืน จึงอยากมาให้ตำรวจช่วยเหลือและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เพื่อไปเอารถคืนจะได้ไม่เกิดความยุ่งยากในอนาคต จึงต้องมาปรึกษาพนักงานสอบสวนกองปราบปรามขอคำแนะนำว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร
ตนเองยังไม่ได้แจ้งความตำรวจท้องที่ เลือกที่จะมาร้องกองปราบฯ เลยเพราะหวังว่าจะแก้ปัญหาให้ได้ ต้องการให้สื่อช่วยเผยแพร่เรื่องราวนี้ออกไปด้วย น่าจะเป็นผลดีกับกรณีของตน
เบื้องต้นพนักงาน สอบสวนสอบปากคำผู้เสียหายแล้วจะหาทางช่วยเหลือผู้เสียหายต่อไป
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน