กรณีโลกโซเชียล และสื่อต่างๆ วิพากษ์วิจารณ์แสดงความเห็น พระสงฆ์ตั้งวงจัดปาร์ตี้กินหมูกระทะ และดื่มเบียร์ อยู่ในวิหารหน้าองค์พระประธาน วัดชื่อดังกลางเมืองเชียงใหม่ เมื่อคืนวันที่ 29 ส.ค.2564 หรือเมื่อประมาณ 3 ปีก่อน

ซึ่งขณะนั้นเป็นช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ด้วย มีพระสงฆ์ร่วมวง 7 รูป ฆราวาสชาย 2 คน พร้อม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมูกระทะ และอาหารต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ ได้เข้าตรวจสอบจับกุม

ตั้งข้อหา ร่วมกันชุมนุมมั่วสุม หรือทำกิจกรรม ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัดหรือสถานที่อื่นในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ที่ 60/2564 และ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ มีของกลางเป็นกระป๋องเบียร์เปิดแล้ว 5 กระป๋อง และที่ยังไม่ได้เปิดอีก 3 กระป๋อง และไวน์อีก 3 ขวด ที่ยังไม่ได้เปิด

ต่อมาวันที่ (30 ส.ค.64) เจ้าหน้าที่นำตัวทั้งหมดส่งฟ้องศาลในฐานความผิด พ.ร.บ.ควบคุมโรค และ พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน โดยศาลได้พิจารณาลงโทษ จำเลยทั้งหมดในฐานความผิด ตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ให้เสียค่าปรับคนละ 1,000 บาท และจำคุก 15 วัน แต่โทษจำคุก ให้รอลงอาญา 1 ปี นอกจากนี้ในส่วนของจำเลยที่ 1 ถึง 4 ยังถูกลงโทษ หามั่วสุมดื่มสุราในศาสนสถาน ให้เสียค่าปรับ คนละ 2,500 บาท ซึ่งหลังจากชำระค่าปรับแล้ว ทั้งหมดได้รับการปล่อยตัวทันที

โดยเจ้าหน้าที่ได้นำพระทั้งหมดไปลาสิกขาที่วัดอุปคุต ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ประกอบด้วย พระครูระดับเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ ถึง 4 รูป พระลูกวัด 3 รูป โดยได้แจ้งลาสิกขาสละสมณเพศ กับทางเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ซึ่งทั้งหมดได้สวมชุดขาวพร้อมลงนามในหนังสือแจ้งการลาสิกขาสละสมณเพศด้วยความสมัครใจ ตามข่าวที่ได้เสนอไปแล้วนั้น

ล่าสุด วันที่ 19 พ.ย.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนึ่งในพระครู อดีตเจ้าอาวาสวัดชื่อดังที่ถูกจับดำเนินคดีฯ และถูกกระแสสังคมกดดันจนยอมลาสิกขาบทด้วยความสมัครใจไปแล้วนั้น ได้กลับมาอุปสมบทเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์อีกครั้ง โดยมีพระเถระชั้นผู้ใหญ่ เป็นผู้ทำพิธีอุปสมบทให้ ณ วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่

ท่ามกลางความสนใจของบรรดาศรัทธาญาติโยมที่ทราบข่าว โดยมีบางคนได้ตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการกลับมาอุปสมบทใหม่ครั้งนี้ บ้างก็ว่าเป็นสิทธิ์ของพระที่สามารถกลับมาอุปสมบทใหม่ได้ไม่เสียหายอะไร

ผู้สื่อข่าวเดินสอบถามข้อเท็จจริงกับคณะกรรมทางพระพุทธศาสนาของจังหวัดเชียงใหม่ท่านหนึ่ง เปิดเผยว่า พระสงฆ์ระดับเจ้าอาวาสวัดที่เคยเป็นข่าวโด่งดังเมื่อ 3 ปีก่อน กรณีปาร์ตี้หมูกระทะ,เหล้าเบียร์ ในวิหารต่อหน้าพระประทานได้กลับมาบวชอีกครั้งเป็นเรื่องจริง

ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัด ในพื้นที่ อ.เมืองเชียงใหม่ และก่อนหน้านั้นก็มีอดีตพระที่ร่วมวงปาร์ตี้หมูกระทะฯ กลับมบวชอีกครั้งประมาณ 2-3 รูป โดยไปประจำเป็นพระลูกวัด มีบางคนหลังสึกไปแล้วก็ไม่กลับมาและญาติโยมในครั้งนั้น รวมทั้งโยมอุปถัมภ์ ได้หางานให้ทำเป็นคนขับรถ,เป็นผู้จัดการร้านอาหารในตัวเมืองเชียงใหม่

ส่วนสาเหตุของการกลับมาบวชใหม่นั้น เนื่องจากความผิดนั้นเป็นความผิดปาจิตตีย์ ที่เป็นความผิดไม่ร้ายแรง แต่สังคมโลกติเตียน ในตอนนั้น เพื่อต้องการให้กระแสลดลง ทั้งหมดจึงยอมสึกเองด้วยความสมัครใจ ไม่ได้ถูกจับสึก หรือปาราชิก แต่อย่างใด สามารถกลับมาบวชใหม่ได้อีกครั้ง ไม่ผิดกฏระเบียบสงฆ์ คือ ไม่ผิดกฏระเบียบสงฆ์ แต่จะไม่ถูกใจใครหรือไม่นั้น หรือสังคมจะยอมรับหรือไม่ นั้นอีกเรื่อง คือกลับมาบวชได้

ส่วนที่ล่าสุดอดีตเจ้าอาวาสวัด ที่ไปบวชใหม่ที่ วัดดังของเชียงใหม่นั้น ตอนที่พระรูปนี้สึกออกมาก็มีศรัทธาของพระรูปดังกล่าว ให้การอุปถัมภ์ หาที่พักอาศัยให้ และให้ไปทำงาน

ต่อมาทางพระชั้นผู้ใหญ่ที่ส่วนกลาง เห็นถึงความสามารถของอดีตพระรูปนี้ จึงมอบผ้าไตร และมีหนังสือให้มายังวัดที่เชียงใหม่ ให้ทำการบวชให้ใหม่ ทางวัดจึงทำตามคำสั่ง บวชให้ใหม่เหมือนกับพระรูปอื่นที่กลับมาบวชใหม่ก่อนหน้านั้น

ด้านชาวบ้านที่ทราบข่าวเรื่องการกลับมาบวชใหม่ของอดีตพระปาร์ตี้หมูกระทะ ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา บ้างก็ยกมือท่วมศีรษะ กล่าวคำว่า “สาธุ” บ้างก็เห็นว่า ท่านสึกเองไม่ได้ถูกจับสึก สามารถกลับมาบวชได้ไม่ผิด บ้างก็บอกไม่อยากไปยุ่งเรื่องของพระสงฆ์องค์เจ้า