เชน ธนา เปิดใจหลังเข้าพบตำรวจ เปิดมูลค่าความเสียหายล่าสุดแทบช็อก

เชน ธนา เปิดใจหลังเข้าพบตำรวจ เปิดมูลค่าความเสียหายล่าสุดแทบช็อก

เรียกได้ว่าตกเป็นข่าวใหญ่โตเลยทีเดียว สำหรับ รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณี เชน ธนาตรัยฉัตร อดีตศิลปินบอยแบนด์ เจ้าของบริษัท อมาโด้ กรุ๊ป จำกัด ธุรกิจขายอาหารเสริม สกินแคร์ ขายปลีกทางอินเตอร์เน็ต ในแบรนด์ "อมาโด้" ถูกบริษัท ไทยยินตัน จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับผลิตอาหารเสริม ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกง" โดยอ้างว่า บริษัทได้ส่งสินค้าไปให้ แต่อมาโด้กรุ๊ปไม่ยอมจ่ายค่าสินค้ามูลค่ากว่า 79 ล้านบาท อ้างว่าทำผิดสัญญา สินค้าไม่ได้คุณภาพตามที่สั่ง ในครั้งแรก พนักงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เห็นว่าคดีนี้เป็นคดีแพ่ง ฝ่ายโจทก์จึงนำหลักฐานเข้ายื่นฟ้องต่อศาลเอง อัยการมีความเห็นสั่งฟ้องและให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียก แต่ปรากฎว่า เชน ธนา และภรรยา ทำหนังสือขอเลื่อนถึง 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดส่งหนังสือขอเลื่อนมาในวันนัด อ้างเหตุผลปัญหาสุขภาพและติดธุระบางอย่าง พนักงานสอบสวนจึงออกหมายเรียกรอบที่สอง

โดยนัดหมายวันนี้ (18 พ.ย.) ในรายการโหนกระแสวันนี้ ได้ คุณนริศ และคุณลี่ สองผู้เสียหายมานั่งเล่าถึงพฤติการณ์ ที่ทำสัญญาธุรกิจ เป็น Supplier ประสานสั่งสินค้าส่งให้บริษัทของคุณเชน แต่ว่าสิ่งที่หลายคนเจอก็คือ ส่งสินค้าให้ไปแล้ว เขาไม่จ่ายเงิน โดยมีข้ออ้างต่างๆ อาทิ เปลี่ยนผู้บริหาร อนุมัติไม่ได้ ขออนุญาตอะไรต่างๆ ไม่ผ่าน ต่างๆ นานา โดยทาง คุณนริศ จากทางไทยยินตัน เล่าว่า รู้จักกันเชนมาก่อนหน้านี้ ทางเชนมาติดต่อถามตนว่า มีสินค้าอะไรบ้างที่บริษัทของเขาจะรับมาเป็นตัวแทนได้ เขาอยากเพิ่มพอร์ตโฟลิโอให้บริษัท เพื่อจะเอาบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ จนมาตกลงกันว่า

ตนจะสั่ง โพรไบโอติก แบรนด์ดังจากญี่ปุ่น นำเข้ามาให้เขาเป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียว ทำสัญญาล็อตแรก เมื่อ กุมภาพันธ์ 2564 เปิดใบสั่งซื้อแรก จำนวน 3 ล้านซอง ตนไปสั่งให้ทางญี่ปุ่นผลิต และทยอยส่งของให้เขาตามอายุสินค้า ทยอยส่งตั้งแต่มีนาคม 64 ช่วงที่ส่งของให้ไปแรกๆ หลักแสนซอง เขาบอกมาว่า ของขายดีมากเลย ขอเปิดล็อตใหม่เพิ่มอีก 4.5 ล้านซองเลย ซึ่งตนก็แย้งไปว่า รอให้ล็อตแรกมันขายหมดก่อนดีไหม ดูแนวโน้มก่อนดีกว่าไหม เพราะล็อตแรกตนยังทยอยส่งไม่ครบเลย มาส่งของครบล็อตแรก 3 ล้านซอง เมื่อประมาณเดือน พ.ค. หรือ มิ.ย. ปี 2564 ปรากฏว่าพอถึงกำหนดชำระราคาสินค้า ล็อตแรก เขาจ่ายมาเป็นเช็ค แต่เอาไปขึ้นเงินไม่ได้

ข้ออ้างคือเงินในบัญชีไม่พอ เขาขอให้เอาเช็คไปคืน แล้วเขาจะเปลี่ยนใหม่ให้ แต่พอมาล็อตหลังๆ เขาอ้างเหตุผลสารพัด ว่าขอเลื่อนเวลาจัดส่ง และเวลาจ่ายเงินได้ไหม เพราะมีปัญหาต่างๆ นานา จนมาเกิดปัญหาเรื่องล็อตสุดท้าย ที่มูลค่าคงค้างอยู่ที่ 79 ล้านบาทนี่เอง ผู้เสียหายอีกคนคือคุณลี่ เป็นผู้เสียหายอีกคน ที่ทำธุรกิจร่วมกับเชนและภรรยา โดยทางคุณลี่เป็นคู่ค้าดีลกับบริษัททางเยอรมัน บริษัทของคุณเชนติดต่อมาให้เราทำสูตรอาหารเสริมให้ ทำสัญญากันตั้งแต่ปี 2566 ช่วงปลายปีเริ่มสั่งของล็อตแรก ราคารวม 6 ล้านบาท โดยให้วางมัดจำก่อน 20% คือ 2.4 ล้าน เขาก็จ่าย เราจึงสั่งสินค้า แต่พอสินค้ามา นำส่งเรียบร้อย เขากลับไม่ได้จ่ายยอดที่เหลือทั้งหมด จ่ายมาให้แค่ 5 แสนกว่าบาท แล้วยังค้างอยู่ประมาณ 3.8 ล้านบาท

โดยยอดค้างที่ว่านี้ ทางบริษัทของคุณเชนอ้างว่า จะขอผ่อนชำระเป็นงวดๆ กว่า 30 งวด ซึ่งตนไม่สามารถรับเงื่อนไขนี้ได้ เพราะทางบริษัทของตนก็ต้องการเงินสดมาหมุนเวียนทำธุรกิจ เราไม่ใช่สถาบันทางการเงิน จะให้มาผ่อนชำระขนาดนี้ได้ยังไง แล้วต่อมาเขาก็มาใช้วิธีฟ้องบริษัทเรา อ้างว่าเราทำให้เขาเสียหาย ฟ้องเราเป็น 10 ล้าน ซึ่งทำให้เรางงมากว่า เราไปทำอะไรให้เขาเสียหาย สุดท้าย ทางบริษัทของคุณลี่ ตัดสินใจฟ้องแพ่ง เพราะหวังจะได้เงินคืน แต่พอมาเห็นข่าวของไทยยินตัน ก็เลยเชื่อว่าไม่น่าจะได้คืนแล้ว ตอนนี้มีนัดขึ้นศาลเป็นนัดไกล่เกลี่ยกับเขาในเดือนธันวาคมนี้ ในส่วนของการดำเนินคดีกับเขา ก็ให้เป็นไปตามขั้นตอนตามที่เราฟ้องแพ่งไปแล้ว แต่สิ่งที่ตนมาในวันนี้ เพื่อจะให้ข้อมูลว่า

วิธีการโน้มน้าว ข้ออ้างที่เขาบิดพลิ้วไม่จ่ายเงิน มันคล้ายกับเคสอื่นๆ เป็นลักษณะเดียวกัน อยากทำให้สังคมได้เห็นลักษณะวิธีการของเขา ด้าน เชน ธนา โฟนอิน เข้ามาในรายการ เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี ที่ได้คุยกับ นริศ ผู้บริหารของไทยยินตันคู่กรณี ซึ่งทางคุณนริศ บอกว่า ตั้งแต่มีเรื่อง ไม่สามารถติดต่อ หรือพูดคุยกันเลยมาตลอด 2 ปี โดยทางเชน ก็พยายามยืนยันว่า สินค้าที่รับมาจาก ไทยยินตัน มีปัญหา ยังไม่ได้ขายสักซอง และไม่สามารถวางขายทางทีวีได้ ทั้งที่บริษัทของเชนไปเตรียมการทำโฆษณาไว้หมดแล้ว ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นนั่นเอง

ขณะที่คุณริศ ยืนยันว่า การสั่งทำกล่องมันเป็นหน้าที่ของบริษัทอมาโด้ ซึ่งการใช้คำโฆษณาที่ตัวผลิตภัณฑ์ กับหน้ากล่องมันไม่ตรงกัน เขาก็มาแจ้งว่าต้องผลิตกล่องใหม่ เรามองว่าถ้าจ่ายค่ากล่องให้เขาไปแสนกว่าบาท แล้วได้เงินค่าของที่เขาค้างอยู่ 79 ล้าน มันก็โอเค ก็เลยจ่ายเงินไปให้เขาสั่งกล่องใหม่ จนได้มา จนขายของได้ในล็อตแรก ซึ่งแปลว่า ปัญหาเรื่องกล่อง มันเป็นจากฝั่งเขา และมันได้แก้ไขไปแล้ว จนของขายได้แล้วด้วย สิ่งที่ตนสามารถชี้ได้ว่าเป็นความผิดปกติ คือการที่เขาเอาสินค้าของตนไปขายขาดทุน

มันเหมือนเขามองว่า สินค้าที่ได้ไปจากตนไม่มีต้นทุน จะขายกี่บาทก็ได้กำไร เพราะเขาไม่ได้ตั้งใจจะคืนเงินเราตั้งแต่แรกแล้ว นอกจากตน กับคุณลี่ ก็ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่เป็นบริษัทรายใหญ่ ที่โดนแบบเดียวกัน แต่เขายังไม่ออกมา อาจจะเพราะยังไม่อยากมีปัญหาเป็นข่าวฟ้องร้องอะไรต่างๆ ซึ่งเท่าที่ตนได้พูดคุยกับหลายๆ ราย สามารถพูดได้ว่าตอนนี้ มูลค่าความเสียหาย น่าจะแตะๆ 8,000 ล้านบาทแล้ว

และต่อมา เชนธนาได้ออกมาเปิดใจหลังเข้าให้ปากคำ เผยว่า "ผมใช้หนี้มาตลอด ผมพยายามสู้ ยังสู้อยู่ ถ้ามีโอกาสได้สู้นะ ถ้าในศาลแพ่งบอกให้จ่าย เราก็จะหาเงินมาใช้หนี้ เราเตรียมใจเลยนะ ซึ่งตอนนี้ในขั้นตอนของศาลแพ่ง ถ้าอุทธรณ์แล้วไม่ได้ เราก็ต้องจ่าย 75 ล้านรวมดอกเบี้ย ผมยังไม่ได้คุยในรายละเอียด แต่วันนี้ผมยอมรับว่าเครียดมาก" "เราทำธุรกิจ มันเป็นเรื่องของสัญญาซื้อขาย แต่ไม่น่าเอาเรื่องส่วนตัวมากดดัน หรือยุ่งเกี่ยว ตัวผม มองว่า มีหลักฐานที่แน่นพอ ที่เกี่ยวกับสัญญาซื้อข่าย ไม่ใช่ฉ้อโกงหรืออะไร เพราะผมมั่นใจว่า เป็นลูกหนี้ที่ดี ทั้งที่ในธุรกิจหลายๆตัวของผม สร้างงาน สร้างอาชีพ ผมไม่ได้อยากจะลงลึกตรงนี้ แต่มีเอกสารเลื่อนนัดปกติ ตอนแรก ผมทำใจมาแล้ว จนเปิดเอกสารใบนี้แล้วเห็น แต่มีรอยฉีกอยู่แล้ว"

"ตอนนี้เป็นการรับทราบข้อกล่าวหาในขั้นตอนของแพ่ง แต่ยังไม่สามารถลงลึกในรายละเอียดได้ วันนี้ผมยังไมได้นอนเลย ขอบคุณที่ทุกคนให้โอกาสชี้แจง มันมีข้อมูลที่ผมอยากชี้แจง (เปิดเอกสาร) กล่าวหาว่า ผมไปฉ้อโกง และมีพรบ เช็ก ในส่วนของอีกคดีหนึ่ง ศาลชั้นต้นตัดสินแล้วว่า มีการยกฟ้อง ไม่ใช่การฉ้อโกง แต่สื่อกลับนำมาลง และเรื่อง พรบ เช็ก ผมกำลังต่อสู้อยู่ ผมโดนคุก และมีการประกันตัวออกมาจริงๆ" "ภรรยาของผม ตอนนี้ไม่กล้าแตะตัวกันเลย ถ้าแตะก็ร้องไห้ ถ้าศาลตัดสินว่า เป็นหนี้ ผมก็จะจ่าย ทุกบริษัท มีหนี้หลายสิบล้าน

ตั้งแต่สายแมสก์ตะดกนคุยกัน เราใช้หนี้หมดแล้ว 100 กว่าล้าน เวลาไกล่เกลี้ยหนี้ เราจะมีการออกเอกสารกำลังทรัพย์ให้คู่ค้า ในวันนี้อยากบอกว่า ผมยังสุ้ และอยากให้อุดหนุนสินค้าครับ กำลังใจที่ยังสู้ เพราะมีหนี้ครับ สามปีที่ผ่านมา ผมสู้ครับ" "มันยังมีความสามารถในการขายของ แต่ถ้าดูจำนวนเงิน มวลหนี้ อาจจะมากกว่าทุน มันเป็นเครดิตพึงจะได้ แต่วันนึงถ้ามีเรื่องเงินสด ต้องดูะุรกิจกันไป จากนี้จะมารับข้อมูลฟ้อง ในวันที่ 26 พ.ย. เวลา 10.00 น."

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ