รวบ 3 ผู้ต้องหาซื้อเด็กจากเมียนมา บังคับใช้แรงงาน หากไม่พอใจทุบตี จนเด็กหนีออกจากบ้าน
กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม., พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี นำโดย น.ส.จันจิรา ไทยบัณฑิตย์ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดชลบุรี,น.ส.อลิสรา ใจเพชร นักสังคมสงเคราะห์ปฏิบัติการ, สำนักงานแรงงานจังหวัดชลบุรี นำโดย นายเฉลิมพล เนียมสกุล แรงงานจังหวัดชลบุรี, นายนราธิป สุทธิธรรม นักวิชาการแรงงานปฏิบัติการ ร่วมกันจับกุม
1.น.ส.พรทิพย์ฯ อายุ 65 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 5464/2567
2.นายสมานฯ อายุ 50 ปี ตามหมายจับศาลอาญา 5465/2567
3.น.ส.นาว ทา ทา ยี่ สัญชาติเมียนมาร์ ตามหมายจับศาลอาญา 5466/2567
ทั้ง 3 ราย ในความผิดฐาน “สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยเป็นธุระจัดหา พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หรือรับไว้ซึ่งบุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี และได้ลงมือกระทำความผิดตามที่ตกลงกันไว้, ร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์ ด้วยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ โดยเป็นธุระจัดหา พามาจาก หรือส่งไปยังที่ใด หรือรับไว้ซึ่งบุคคลอายุไม่เกินสิบห้าปี”
พฤติการณ์ ตามที่ได้ปรากฏในภาพข่าว “สะเทือนใจ เด็กหญิง 8 ขวบ ถูกแม่ตี-ไล่ออกจากบ้านหอบตุ๊กตาคู่ใจนอนตากยุงในสุสานเพียงลำพัง” ซึ่งได้ออกอากาศเผยแพร่ไปเมื่อวันที่ 10 ก.พ.2567 ซึ่ง พม.จังหวัดชลบุรี ไปรับตัวเด็กหญิง เอคนดังกล่าวไปคุ้มครองสวัสดิภาพไว้และจากการซักถามเบื้องต้นเชื่อว่าเด็กหญิงเอ คนดังกล่าว เป็นบุคคลต่างด้าว แต่ไม่ยอมให้ข้อมูลใดๆ กับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากความบอบช้ำทาง ร่างกาย จิตใจ โดยมีการตรวจพบบาดแผลคล้ายถูกตีด้วยของแข็งไม่มีคมบริเวณเล็บมือ นิ้วมือ และแขนขา ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้ว่าอาจเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จนกระทั่งการคุ้มครองสวัสดิภาพเริ่มฟื้นฟู ร่างกาย จิตใจ เด็กหญิงเอ เริ่มให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ ทางสหวิชาชีพ ประกอบด้วย พม.จังหวัดชลบุรี แรงงานจังหวัดชลบุรี และพนักงานสอบสวนหญิง กก.2 บก.ปคม. ร่วมกันสัมภาษณ์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์พบว่าเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์โดยถูกแสวงหาประโยชน์จากการบังคับใช้แรงงาน และทราบว่าเด็กหญิงเอ เป็นบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมาร์ ต่อมานักสังคมสงเคราะห์ พม.จังหวัดชลบุรี ได้พาตัวเด็กหญิงเอ เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม. เพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดในคดีนี้
จากการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม.ทราบว่า น.ส.นาว ทา ทา ยี่ ผู้ถูกจับที่ 3 เป็นผู้ที่เป็นธุระจัดหา ซื้อ เด็กหญิงเอ มาจาก บิดามารดาของ เด็กหญิงเอ โดยให้เงินหรือผลประโยชน์อย่างอื่นแก่บิดามารดาของ เด็กหญิงเอ เพื่อให้ได้รับความยินยอมในการนำพา เด็กหญิงเอ มาจากหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในประเทศเมียนมาร์ โดยเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2565 มีการจัดทำหนังสือ การที่น.ส.นาว ทา ทา ยี่ ผู้ถูกจับที่ 3 รับเด็กหญิงเอ เป็นบุตรบุญธรรมเป็นนิติกรรมอำพราง จากนั้นใช้ให้บุคคลอื่นนำพา เด็กหญิงเอ ผ่านช่องทางธรรมชาติเข้ามาในประเทศไทยที่จังหวัดตากโดยผิดกฎหมาย แล้วส่งตัวมายัง บ้านพักของนายสมานฯ ผู้ถูกจับที่ 2 และ น.ส.นาว ทา ทา ยี่ ผู้ถูกจับที่ 3 ที่ ต.ในคลองบางปลากด อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ และร่วมกันให้เด็กหญิงเอ ซึ่งเข้าเมือง โดยผิดกฎหมายพักอาศัยอยู่ที่บ้านดังกล่าวเพื่อให้พ้นการจับกุมก่อน แล้วส่งตัวไปยังบ้านพักของ น.ส.พรทิพย์ฯ ผู้ถูกจับที่ 1 ใน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี เพื่อให้ทำงานบ้านทำความสะอาด หุงข้าวเลี้ยงสุนัข หรือบริการ ร่วมกับ น.ส.พอดีฯ สัญชาติเมียนมาร์ แต่จากการตรวจสอบข้อมูลระบบการแจ้งการทำงานของต่างด้าว สำนักงานจัดหางานจังหวัดชลบุรี ไม่พบว่า น.ส.พรทิพย์ เคยแจ้งการทำงานของคนต่างด้าวแต่อย่างใด โดยน.ส.พรทิพย์ฯ มีการทำโทษ ให้เด็กหญิงเอ กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ, ขู่เข็ญด้วยประการใดๆ, ใช้กำลังประทุษร้าย โดยการใช้ไม้ตี การนำตัวมาขังไว้ในห้องภายในบ้านโดยไม่ให้รับประทานอาหารเมื่อทำความผิด และไม่ให้เด็กหญิงเอ เดินทางกลับบ้านโดยนำเหตุว่ามารดาของเด็กหญิงเอ ต้องนำเงินมาคืนก่อน ซึ่งการกระทำดังกล่าวต่อเด็กหญิงเอ
ขณะเกิดเหตุอายุประมาณ 10-11 ปี ซึ่งเป็นผู้เยาว์ เป็นบุคคลต่างด้าว สัญชาติเมียนมาร์ ซึ่งถูกลักลอบนำพาเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย และไม่มีที่พึ่งที่อื่นใด เป็นการทำให้เด็กหญิงเอ สัญชาติเมียนมาร์ อยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้และจำต้องทำงาน จนกระทั่งมีการหลบหนีออกมา
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. ได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายค้น บ้านของ น.ส.พรทิพย์ฯ ใน อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี และได้ช่วยเหลือเด็กหญิงอีกคนหนึ่ง ชื่อเด็กหญิงบี ซึ่งได้ทำงานอยู่ในบ้านดังกล่าวออกมาคุ้มครองสวัสดิภาพ และเชื่อว่าก็น่าจะเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์โดยการบังคับแรงงานเช่นกัน โดยได้ตรวจยึดพยานหลักฐานสำคัญเป็นเมมโมรี่จากกล้องวงจรปิด ซึ่งบันทึกภาพว่ามีเด็กหญิงซี อีกคนหนึ่งเป็นแรงงานที่ทำงานอยู่ในบ้าน แต่หลบหนีไปขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะเข้าตรวจค้น และบันทึกภาพขณะที่ น.ส.พรทิพย์ฯ ผู้ถูกจับที่ 1 กำลังขู่ตะคอกเด็กหญิงบี และเด็กหญิงซี เมื่อทำงานผิดพลาด ภาพขณะที่ น.ส.พรทิพย์ฯ ผู้ถูกจับที่ 1 ทุบตีทำร้ายร่างกายเด็กหญิงซี
พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับผู้ถูกจับทั้ง 3 ดังกล่าวข้างต้น ตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น และต่อมา ได้ร่วมกันจับกุมตัวมาส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม.เพื่อดำเนินคดีต่อไป
ตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) เตือนภัย จากกรณีดังกล่าว ตำรวจสอบสวนกลางมีความห่วงใยเด็กผู้เสียหาย ที่ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการค้ามนุษย์เพราะนอกจากความเสียหายทางร่างกายที่เกิดขึ้นกับเด็กเหล่านี้แล้ว ยังมีความเสียหายทางจิตใจที่จะฝังรากลึกและเป็นผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตในอนาคต นายจ้างที่มีพฤติการณ์ข่มขืนใจให้ลูกจ้างทำงานหรือให้บริการโดยวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้
1. ทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สิน
2. ขู่เข็ญด้วยประการใดๆ
3. ใช้กำลังประทุษร้าย
4. ยึดเอกสารสำคัญประจำตัวของบุคคลนั้นไว้
5. นำภาระหนี้ของบุคคลนั้นหรือของบุคคลอื่นมาเป็นสิ่งผูกมัดโดยมิชอบ
6. กระทำอย่างอื่นใดอันมีลักษณะคล้ายคลึ่งกับการกระทำดังกล่าวข้างต้น ถ้าได้กระทำให้ผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้
อาจเข้าข่ายมีความผิดฐาน ค้ามนุษย์โดยแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ มีโทษจำคุกตั้งแต่สี่ปีถึงสิบสองปีและปรับตั้งแต่สี่แสนบาทถึงหนึ่งล้านบาท
ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ นครบาล รายงาน