ทนายตั้ม โดนอีก กกต.สมุทรสาคร เข้าเรือนจำสอบปมลงสมัคร สว.ทั้งที่ขาดคุณสมบัติ

ทนายตั้ม โดนอีก กกต.สมุทรสาคร เข้าเรือนจำสอบปมลงสมัคร สว.ทั้งที่ขาดคุณสมบัติ

วันนี้ (13 พ.ย.) นายพงษ์พชน ช่างทองคำ ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวถึงการที่ กกต.สมุทรสาคร จะเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อสอบ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” จากกรณีมีผู้ร้องเรียนว่าขาดคุณสมบัติการเป็นผู้สมัครสมาชิกวุฒิสภา (สว.) กลุ่ม 17 เนื่องจากทำงานภาคประชาสังคมไม่ถึง 10 ปี โดย นายพงษ์พชน กล่าวว่า วันนี้ประธานอนุกรรมการไต่สวน ที่สำนักงาน กกต.ประจำจังหวัดสมุทรสาคร ตั้งขึ้น จะเข้าไปสอบปากคำ นายษิทรา ในฐานะที่เคยเป็นผู้สมัคร สว.สมุทรสาคร และถูกร้องเรียน เมื่อถามว่า นายษิทรา เป็น สว.สำรองอันดับ 4 เหตุใดจึงต้องมาสอบปากคำช่วงที่ถูกคุมขังในเรือนจำ นายพงษ์พชน ชี้แจงว่า มีคนร้องและถ้าไม่สอบช่วงนี้

ก็ไม่รู้ว่าเขาจะออกมาเมื่อไหร่ และจากที่ดูข่าวนายษิทราบอกว่าจะไม่ประกันตัว หากรอไปจะเกินกรอบเวลาที่ระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวนไต่สวนฯสืบสวน กำหนดไว้ว่าต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จเมื่อใด และกกต.ต้องขอขยายระยะเวลาไปเรื่อยๆ ก็ไม่ถูกต้อง นายพงษ์พชน กล่าวด้วยว่า

ก่อนที่นายษิทราจะถูกคุมขัง กกต.สมุทรสาคร เคยนัดหมายกับนายษิทราแล้วครั้งหนึ่ง แต่ต่อมาก็ขอเลื่อน แล้วไม่กี่วันจากนั้นเขาก็ถูกจับกุมตัว “เราเคยไปสอบเขามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ กกต.ใหญ่มีมติให้สอบเพิ่มเติม จึงจึงต้องมีการสอบปากคำอีกครั้งตามมติ กกต.ซึ่งทาง กกต.สมุทรสาครมีหนังสือแจ้งไปยังนายษิทราและมีการนัดหมายกัน แต่ต่อมาเขาก็มีหนังสือมาขอเลื่อน” นายพงษ์พชน กล่าวอีกว่า ในการสอบสวนเรื่องนี้ กกต.สมุทรสาคร ได้มีการขยายระยะเวลามานานแล้วแต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าเขาจะออกจากเรือนจำเมื่อใด ซึ่ง กกต.ก็ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงอย่างเต็มที่เพื่อความเป็นธรรม วันนี้จึงต้องขอเข้าไปสอบปากคำในเรือนจำ แต่หากทนายตั้มไม่สะดวก็แล้วแต่เขาเพราะอาจจะลำบาก เนื่องจากอยู่ระหว่างถูกคุมขัง

“ถ้า นายษิทรา ปฏิเสธว่า ไม่ได้ทำผิดตามที่มีผู้ร้องเรียน หรือปฏิเสธไม่ให้ปากคำ ก็เป็นสิทธิของเขา เราก็จะสรุปข้อมูลและข้อเท็จจริงตามนั้นไป และส่งไป กกต. กลาง แค่นั้นเอง เพราะเราก็ทำสุดเต็มที่ของเราแล้ว” สำหรับขั้นตอนภายหลังสอบปากคำนายษิทราแล้วคณะอนุกรมการฯจะมีการทำความเห็นและสรุปเสนอมายังตนเพื่อส่งมายัง กกต.กลาง เพื่อประชุมและมีมติต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หาก กกต.มีมติว่า นายษิทรา ขาดคุณสมบัติในการลงสมัครจากเหตุดังกล่าว นายษิทรา จะมีความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยกันได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภามาตรา 74 ที่กำหนดว่า ผู้ใดรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกไม่ว่าเพราะเหตุใด ได้สมัครรับเลือก ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี

ข้อมูลจาก mgronline

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ